วันศุกร์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ประมวลภาพเที่ยวไหว้พระที่สระบุรี ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๕






ประเดิมแห่งแรกที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมของวัดศรีบุรีรัตนาราม ภายในเมืองสระบุรี เพื่อไปเยี่ยม ดร. พระครูพิพิธปริยัติกิจ (ชยันต์  พุทฺธธมฺโม  แสนโบราณ)  เพื่อนเรียน ป.เอก. ด้วยกัน เป็นเจ้าอาวาสวัดซับซะอม อำเภอพระพุทธบาท ซึ่งท่านมาเป็นผู้ช่วยพระวิปัสสนาจารย์อยู่ที่นี่เพื่ออบรม เจ้าอาวาสและผู้ช่วยเจ้าอาวาสที่ได้รับแต่งตั้งใหม่ในเขตปกครองคณะสงฆ์ ภาค ๒,๓ ประมาณ ๑๕๐ รูป ปฏิบัติตามนโยบายของสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ เจ้าคณะใหญ่หนกลาง




คุณยายราตรี  และโยมน้ำ นั่งรับเครื่องดื่มและขนมปัง  ตอนเป็นอาหารเช้า ส่วนโยมวรรษ รับประทานอาหารเจ อยู่ในรถ 


จากนั้นก็เดินทางมาที่วัดซับซะอม ซึ่งท่านพระครูเป็นเจ้าอาวาส แต่ไม่ค่อยอยู่วัด  ไปสร้างผลงานนอกวัดเป็นส่วนมาก เพราะเป็นที่โปรดปรานของผู้ใหญ่ เลยถูกเรียกใช้งานบ่อย



กำลังเดินเข้าถ้ำ ซึ่งเป็นสถานที่ที่ถ่ายทำภาพยนต์หลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องจักร ๆ วงศ์ ๆ ล่าสุดเรื่อง ขุนเดช ก็มาถ่ายทำที่นี่่ ภายในมีพระพุทธรูปเก่าแก่อายุกว่าร้อยปีอยู่องค์หนึ่ง เมื่อก่อนใช้ทำเป็นที่ประกอบกิจวัตร ทำวัตร สวดมนต์ เหมาะกับการเจริญภาวนามาก สามารถนั่งสมาธิ เดินจรงกรมได้

บรรยากาศภายในถ้ำ หลังจากไหว้พระสวดมนต์ นั่งสมาธิ เจริญเมตตาภาวนาแล้ว ออกมาถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกว่า ได้มาถึงแล้ว

 

 บริเวณวัดมีอยู่หลายถ้ำ ถ้ำนี้เป็นอีกแห่งหนึ่ง ที่มีพระพุทธรูปเก่าแก่อยู่ด้วย พวกเราไปครั้งนี้ท่านบอกว่า เกิดปาฏิหาริย์ คือพอเข้าไปสักพักหนึ่งก็เกิดมีแสงส่องลอดมาอย่างที่เห็นในภาพซึ่งครั้งก่อนๆ ที่ท่านเข้ามาไม่เคยมีปรากฏการณ์อย่างนี้


ในถ้ำเดียวกันแต่คนละมุม  ภาพที่เห็นด้านหลังเป็นมีลักษณะคล้ายมวยผมของสตรี จึงเรียกว่า ถ้้ำมวยผม


บรรยากาศด้านนอกบริเวณลานวัด ร่มรื่นย์ไปด้วยต้นไม้หลายชนิด พื้นที่ด้านหลังของวัดติดกับภูเขาหินสูง จึงทำให้อากาศดี




ออกจากวัดซับซะอมแล้วก็ไปไหว้รอยพระพุทธบาทที่วัดพระพุทธบาท ซึ่งที่นี่เป็นสถานที่ปวัติศาสตร์ มีความเป็นมายาวนานตั้งแต่สมัยอยุธยา เล่ากันว่า มีนายพรานคนหนึ่งพบรอยพระพุทธบาท บนภูเขานี้ เพราะเขายิงเนื้อตัวหนึ่งอาการสาหัสแต่เนื้อตัวนั้นวิ่งเข้ามาในป่าบริเวณนี้สักพักหนึ่งก็วิ่งกลับออกไปตามปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น  นายพรานจึงสงสัยเลยตามเข้ามาดูว่า กวางเข้ามาในที่นี้แล้วทำไมกลับออกไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับตัวเอง พอเข้ามาแล้วเห็นเป็นรอยเท้ามนุษย์ขนาดใหญ่ ภายในร่องของรอยเท้ามีน้ำขังอยู่ใสสะอาด เขาจึงก้มลงดื่ม แล้วเอามือกรอบเอาน้ำมาทากลากและเกลื้อนที่ตัวเขา สักพักหนึ่งกลากและเกลื้อก็หายไปอย่างน่าอัศจรรย์ เขาจึงสันนิษฐานว่า รอยเท้านี้จะเป็นรอยเท้าใครอื่นไปไม่ได้นอกจากเป็นรอยพระพุทธบาท หรือรอยพระบาทของพระพุทธเจ้า  จึงได้นำความนี้ไปกราบบังคมทูลให้พระเจ้าแผ่นดินได้ทราบ สมัยนั้นพระเจ้าทรงธรรมเป็นพระราชาปกครองกรุงศรีอยุธยา





ถ่ายภาพก่อนที่จะขึ้นไปกราบรอยพระพุทธบาท




บริเวณรอบมณฑป เป็นสถานที่สามารถเดินเวียนเทียนได้ เนื่องจากอากาศร้อนคนญาติโยมที่ไปไหว้จึงไม่เดิน เพราะทนความร้อนไม่ไหว แต่ทางวัดก็ปูแผ่นยางไว้ให้สำหรับผู้ที่อยากเดิน


ภายในศาลาบำเพ็ญกุศล ทางวัดเปิดโอกาสให้ญาติโยมทั่วไปมาร่วมทำบุญตามกำลังศรัทธา




เข้าไปกราบ บูชา รอยพระพุทธบาท ซึ่งได้รับการรักษาไว้เป็นอย่างดี มีญาติโยมเอาทองมาปิดเพื่อขอพร จนมองไม่เห็นพื้นเดิม ที่เป็นหิน 





เมื่อกราบ ไห้วรอยพระพุทธบาทแล้ว ท่านพระครูก็พาเดินลงมาทางบันใด ขึ้น ซึ่งมี ๓ บันได จำลองมาจากเรื่องในพุทธประวัติ ตอนที่พระพุทธองค์เสด็จลงมาจากดาวดึงส์ คือบันได้เงิน บันไดทอง และบันใดแก้วอยู่ตรงกลาง เป็นบันใดที่พระพุทธองค์เสด็จลง ตรงหัวบันไดเป็นรูปพญานาค ๕ เศียร ทำด้วยทองเหลือง ซึ่งหาไม่ได้ในที่อื่น เพราะส่วนมาก ที่อื่นจะทำด้วยหินทราย

 

โยมวรรษโชว์ภาพรอยพระพุทธบาท ที่เช่าบูชามาไว้บูชาที่บ้าน 


จากนั้นก็ไปที่วัดเขาวงศ์  ซึ่งเป็นสถานที่ที่น่าเที่ยวชมอีกแห่งหนึ่งเพราะวัดนี้อยู่ติดกับภูเขา บรรยากาศภายในวัด จัดไว้ร่มรื่นย์มาก ท่านพระครูบอกว่า ที่สร้างวัด เดิมเป็นที่ดินมรดกของพระเดชพระคุณพระพรหมสิทธิ (ธงไชย ) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศ ปัจจุบันท่านเป็น เจ้าคณะภาค ๑๑ บริจาคให้สร้างวัด และท่านก็ให้ความอุปถัมภ์อยู่จนถึงทุกวันนี้  วัดนี้สอนกรรมฐานตามแนวมโนยิทธิ ที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำสอน เพราะหลวงตาที่เป็นเจ้าอาวาสเป็นสหธรรมิกของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ



ท่านพระครูติดต่อขอให้อาสาสมัครเอารถนำเที่ยวชมบรรยากาศภายในวัด 



บรรยากาศอีกมุมหนึ่งของวัดเขาวงศ์ พระพุทธรูปสีขาวที่เห็นในภาพ เป็นบริเวณจุดชมวิวภายในวัดด้วย ข้างถัดมาเป็นลานขนาดปานกลางใช้เป็นสถานที่อัพภานกรรมเวลาจัดปริวาสกรรม 






 





แห่งสุดท้ายคือวัดพระพุทธฉาย เป็นพุทธสถานที่มีตำนานอันยาวนาน คำว่า พระพุทธฉาย เป็น รูปเงา ของ พระพุทธเจ้า ที่ติดอยู่หินภูเขา และติดอยู่อย่างนี้ตลอดมา มีเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินเสด็จไปกราบนมัสการหลายพระองค์ นับตั้งแต่สมเด็จ ร.๕ เป็นต้นมา จนถึงรัชกาลปัจจุบัน และสมเด็จพระบรมวงศานุวงศ์หลายพระองค์เสด็จไปกราบนมัสการ และจารึกลายพระหัตถ์ไว้บนผนังหินภูเขา ด้านข้างของพระพุทธฉาย 

ที่วัดพระพุทธฉายนี้ มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อีกอย่างหนึ่งประดิษฐานอยู่บนภูเขา คือ รอยพระพุทธบาทเบื้องขวา แต่ไม่เป็นที่รู้จักเท่ากับพระพุทธฉาย  ตามตำนานเล่าว่า พระพุทธองค์ทรงเหยียบรอยพระบาทข้างซ้ายที่วัดพระพุทธบาท และเหยียบพระบาทเบื้องขวาที่วัดพระพุทธฉาย ระยะทางห่างกันประมาณ ๒๐ กิโลเมตร ซึ่งไม่ใช่เรื่องอัศจรรย์อะไรถ้าเทียบกับพระบารมีของพระพุทธองค์




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น