วันเสาร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2555

สุมนสูตร ว่าด้วยสุมนาราชกุมารี

 พระสูตรนี้เคยนำเสนอแล้ว แต่เห็นเป็นพระสูตรที่มีเนื้อหาดี จึงนำเอามาเสนออีก เพื่อเตือนความจำ เหมือนกับหนังเก่าเอามาฉายอีกตามช่องโทรทัศน์ต่างๆ ในเมืองไทย 

         ความย่อของพระสูตรนี้ก็คือ ผู้ที่ให้ทานจะได้รับอานิสงส์ ๕ อย่าง ต่างจากผู้ที่ไม่ค่อยจะให้ทาน หรือพูดภาษาง่ายๆ คือคนตระหนี่นั่นเอง คนประเภทที่มีคอนเซพว่า การประหยัดคือการกินแล้วไม่จ่ายให้เพื่อนจ่ายฝ่ายเดียว
พระพุทธองค์ตรัสว่า ผู้ให้ทาน จะได้รับอานิสงส์ดังนี้ 
๑. อายุ  ๒. วรรณะ  ๓. ความสุข  ๔. ยศฐาบรรดาศักดิ์  ๕. ความเป็นใหญ่  
ทั้งที่เป็นของมนุษย์และที่เป็นของเทวดาหรือของทิพย์ หมายความว่า ถ้าเกิดเป็นมนุษย์ก็จะเป็นผู้เลิศกว่าคนที่ไม่ให้ทานด้วยผล ๕ อย่างนี้ ถ้าเกิดเป็นเทวดา ก็จะเป็นผู้เลิศกว่าเทวดาที่ไม่ให้ทานด้วยผล ๕ อย่างนี้เหมือนกัน 

พระสูตรนี้อยู่ในพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๒ อังคุตตรนิกาย ปัญจกนิบาต ข้อ ๓๑ หน้า ๔๕-๔๘.


. สุมนสูตร
ว่าด้วยสุมนาราชกุมารี 

 [๓๑] สมัยหนึ่ง ฯลฯ อารามของอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตกรุงสาวัตถี ครั้งนั้น สุมนาราชกุมารีมีรถ ๕๐๐ คัน และกุมารี ๕๐๐ คนแวดล้อม เข้าไปเฝ้า พระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายอภิวาทแล้วนั่ง ณ ที่สมควร๒ ได้กราบทูล พระผู้มีพระภาค ดังนี้ว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอประทานวโรกาส สาวกของพระผู้มีพระภาค ๒ คน มีศรัทธาเสมอกัน มีศีลเสมอกัน มีปัญญาเสมอกัน คนหนึ่งเป็นทายก๓ คนหนึ่งไม่ใช่ทายก คนทั้งสองนั้น หลังจากตายแล้ว ไปเกิดในสุคติโลกสวรรค์ ท่านทั้งสองผู้เป็นเทวดานั้น พึงมีความพิเศษ มีเหตุแตกต่างกันหรือไม่
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า มี สุมนา คือเทวดาผู้เคยเป็นทายก ย่อมข่มเทวดา ผู้ไม่เคยเป็นทายกด้วยฐานะ ๕ ประการ คือ
. อายุที่เป็นทิพย์ ๒. วรรณะที่เป็นทิพย์
. สุขที่เป็นทิพย์๔. ยศที่เป็นทิพย์
. อธิปไตยที่เป็นทิพย์
เทวดาผู้เคยเป็นทายก ย่อมข่มเทวดาผู้ไม่เคยเป็นทายกด้วยฐานะ ๕ ประการนี้
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ถ้าเทวดาทั้งสองนั้น จุติจากเทวโลกนั้นแล้วมาสู่ความเป็นมนุษย์นี้ ท่านทั้งสองผู้เป็นมนุษย์นั้น พึงมีความพิเศษ มีเหตุแตกต่างกันหรือไม่
มี สุมนา คือมนุษย์ผู้เคยเป็นทายก ย่อมข่มมนุษย์ผู้ไม่เคยเป็นทายกด้วย ฐานะ ๕ ประการ คือ
. อายุที่เป็นของมนุษย์ ๒. วรรณะที่เป็นของมนุษย์
. สุขที่เป็นของมนุษย์ ๔. ยศที่เป็นของมนุษย์
. อธิปไตยที่เป็นของมนุษย์
มนุษย์ผู้เคยเป็นทายก ย่อมข่มมนุษย์ผู้ไม่เคยเป็นทายกด้วยฐานะ ๕ ประการนี้
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ถ้าคนทั้งสองนั้นออกบวชเป็นบรรพชิต ท่านทั้งสองผู้เป็นบรรพชิตนั้น พึงมีความพิเศษ มีเหตุแตกต่างกันหรือไม่
มี สุมนา บรรพชิตผู้เคยเป็นทายก ย่อมข่มบรรพชิตผู้ไม่เคยเป็นทายกด้วยฐานะ ๕ ประการ คือ
. เมื่อเขาขอร้องจึงใช้สอยจีวรมาก เมื่อเขาไม่ขอร้องจึงใช้สอยน้อย
. เมื่อเขาขอร้องจึงฉันบิณฑบาตมาก เมื่อเขาไม่ขอร้องจึงฉันน้อย
. เมื่อเขาขอร้องจึงใช้สอยเสนาสนะมาก เมื่อเขาไม่ขอร้องจึงใช้สอยน้อย
. เมื่อเขาขอร้องจึงใช้สอยคิลานปัจจัยเภสัชชบริขารมาก เมื่อเขาไม่ขอร้องจึงใช้สอยน้อย
. อยู่ร่วมกับเพื่อนพรหมจารีเหล่าใด เพื่อนพรหมจารีเหล่านั้นก็ประพฤติต่อเธอด้วยกายกรรม วจีกรรม และมโนกรรมเป็นที่พอใจ เป็นส่วนมาก ที่ไม่พอใจเป็นส่วนน้อย นำสิ่งเป็นที่พอใจมาเป็นส่วนมาก ที่ไม่พอใจเป็นส่วนน้อย
บรรพชิตผู้เคยเป็นทายก ย่อมข่มบรรพชิตผู้ไม่เคยเป็นทายกด้วยฐานะ ๕ ประการนี้
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ถ้าคนทั้งสองนั้นบรรลุอรหัตตผล ท่านทั้งสองผู้บรรลุอรหัตตผล พึงมีความพิเศษ มีเหตุแตกต่างกันหรือไม่
สุมนา เราไม่กล่าวว่าแตกต่างกันเลยในระหว่างวิมุตติกับวิมุตติ๑
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ น่าอัศจรรย์จริง ไม่เคยปรากฏ ข้อนี้กำหนดได้ว่า ควรให้ทาน ควรทำบุญ เพราะบุญเป็นอุปการะแม้แก่เทวดา แม้แก่มนุษย์ แม้แก่ บรรพชิต
อย่างนั้น สุมนา ควรให้ทาน ควรทำบุญ เพราะบุญเป็นอุปการะแม้แก่เทวดา แม้แก่มนุษย์ แม้แก่บรรพชิต
พระผู้มีพระภาคผู้สุคตศาสดา ครั้นตรัสเวยยากรณ์ภาษิตนี้แล้ว จึงได้ตรัสคาถาประพันธ์ต่อไปอีกว่า
ดวงจันทร์ปราศจากมลทิน โคจรไปในอากาสธาตุ
ย่อมสว่างกว่าหมู่ดาวทั้งสิ้นในโลกด้วยรัศมี ฉันใด๑
บุคคลผู้สมบูรณ์ด้วยศีล มีศรัทธา ก็ฉันนั้นเหมือนกัน
ย่อมรุ่งเรืองกว่าผู้ตระหนี่ทั้งหมดในโลกด้วยจาคะ
เมฆที่ลอยไปตามอากาศ มีสายฟ้าแลบแปลบปลาบ
มียอดตั้งร้อย ให้ฝนตกรดแผ่นดินเต็มที่ดอนและที่ลุ่ม ฉันใด
สาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้สมบูรณ์ด้วยทัสสนะ๒
เป็นบัณฑิต ก็ฉันนั้นเหมือนกัน
ย่อมข่มผู้ตระหนี่ได้ด้วยเหตุ ๕ ประการ
คือ อายุ วรรณะ สุข ยศ และโภคทรัพย์
เขาตายไปแล้วย่อมบันเทิงในสวรรค์ 

สุมนสูตรที่ ๑ จบ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น