พระสูตรนี้ พระพุทธองค์ตรัสด้วยความเป็นห่วง เพื่อเตือนความจำของสาวกทั้งหลาย ซึ่งเรื่องนี้ไม่สามารถจะห้ามไม่ให้เกิดได้ แต่ถ้าได้ป้องกันไว้ ก็จะทำให้ยืดอายุพระพุทธศาสนาออกไปได้อีกนาน เพราะฉะนั้น พุทธสาวกทั้งหลายควรตระหนักในเรื่องนี้ให้มาก พระองค์ตรัสว่า ต่อไปในอนาคต สาวกจะไม่สนใจฟังพระพุทธพจน์ที่แท้จริง ที่สามารถนำออกจากทุกข์ได้ ่ที่สาวกนำมากล่าว มาแสดง แต่จะไปเห่อตามเถราจารย์รุ่นใหม่ และจะสนใจงานเขียนของนักคิดรุ่นใหม่มากกว่า เพราะเขียนด้วยถ้อยคำสละสลวย แต่นำออกจากทุกข์ไม่ได้ แถมยังเข้าใจยากอีกด้วย
พระสูตรนี้อยู่ในพระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๖ ต่อจาก โอกขาสูตร
๗. อาณิสูตร
ว่าด้วยลิ่ม
[๒๒๙] พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ... เขตกรุงสาวัตถี ...
ภิกษุทั้งหลาย
เรื่องเคยมีมาแล้ว ได้มีตะโพนชื่ออานกะของพวกกษัตริย์ผู้มีพระนามว่าทสารหะ
เมื่อตะโพนแตก พวกกษัตริย์ทสารหะได้ตอกลิ่มอื่นลงไป
ต่อมาไม้โครงเก่าของตะโพนชื่ออานกะก็หายไปเหลือแต่โครงลิ่ม ฉันใด
ภิกษุทั้งหลาย
ในอนาคต เมื่อผู้อื่นกล่าวสูตรที่ตถาคตกล่าวไว้ล้ำลึก มีเนื้อความลึกซึ้ง
เป็นโลกุตตรธรรม ประกอบด้วยความว่าง ภิกษุทั้งหลายจักไม่ตั้งใจฟังให้ดี
ไม่เงี่ยหูฟัง ไม่เข้าไปตั้งจิตไว้เพื่อรู้ทั่วถึง และไม่ให้ความสำคัญธรรมว่า
ควรเรียน ควรท่องจำให้ขึ้นใจ ฉันนั้น
แต่เมื่อผู้อื่นกล่าวสูตรที่ท่านผู้เชี่ยวชาญได้รจนาไว้
เป็นบทกวี มีอักษรวิจิตร มีพยัญชนะวิจิตร อยู่ภายนอก[1]
เป็นสาวกภาษิต[2]
ภิกษุเหล่านั้นกลับตั้งใจฟังด้วยดี เงี่ยหูฟัง เข้าไปตั้งจิตไว้เพื่อรู้ทั่วถึง
และจักสำคัญธรรมว่า ควรเรียน ควรท่องจำ ให้ขึ้นใจ[3]
ฉันใด แต่เมื่อผู้อื่นกล่าวสูตรที่ตถาคตกล่าวไว้ล้ำลึก มีเนื้อความลึกซึ้ง
เป็นโลกุตตรธรรม ประกอบด้วยความว่าง ก็จักอันตรธานไป ฉันนั้น
ภิกษุทั้งหลาย
เพราะเหตุนั้น เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้ว่า เมื่อผู้อื่น
กล่าวสูตรที่ตถาคตกล่าวไว้ล้ำลึก มีเนื้อความลึกซึ้ง เป็นโลกุตตรธรรม ประกอบด้วย
ความว่าง เราทั้งหลายจักตั้งใจฟังด้วยดี เงี่ยหูฟัง
เข้าไปตั้งจิตไว้เพื่อรู้ทั่วถึง และให้ความสำคัญธรรมว่า ควรเรียน
ควรท่องจำให้ขึ้นใจ เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้
อาณิสูตรที่ ๗
จบ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น