วันอังคารที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ปราภวสูตร ว่าด้วยทางแห่งความเสื่อม


ปราภวสูตร  ว่าด้วยทางแห่งความเสื่อม พระสูตรนี้พระพุทธองค์แสดงทางแห่งความเสื่อมไว้ ๑๑ ข้อ ซึ่งบางข้ออาจมีเหตุแห่งความเสื่อมอยู่หลายอย่าง เรียงตามลำดับดังนี้
ข้อที่ ๑ คนเกลียดชังธรรม
ข้อที่ ๒ คนรักอสัตบุรุษ ชอบธรรมของอสัตบุรุษ
ข้อที่ ๓ คนชอบนอนหลับ ชอบคลุกคลีกับหมู่  ไม่ขยัน  เกียจคร้าน โกรธง่าย
ข้อที่ ๔ คนที่สามารถเลี้ยงตนเองและผู้อื่นได้ แต่ไม่เลี้ยงดูมารดาบิดา ผู้แก่ชรา
ข้อที่ ๕ คนชอบพูดคำเท็จ หลอกลวงสมณะหรือพราหมณ์ หรือแม้กระทั่งพวกวณิพกขอทาน
ข้อที่ ๖ คนมีเงินเหลือกินเหลือใช้แต่กินของอร่อยคนเดียวไม่เอื้อเฟื้อคนอื่น
ข้อที่ ๗ คนหยิ่งหรือกระด้างเพราะชาติ หยิ่งเพราะทรัพย์ หยิ่งเพราะโคตร ชอบดูหมิ่นญาติของตน
ข้อที่ ๘ เป็นคนเจ้าชู้ ชอบเล่นการพนัน ชอบล้างผลาญทรัพย์ที่หามาได้
ข้อที่ ๙ ไม่ยินดีในภรรยาหรือสามีของตน ชอบเที่ยวกับหญิงแพศยา หรือชอบคบชู้สู่สามีหรือภรรยาของคนอื่น
ข้อที่ ๑๐  คนแก่ได้เมียสาว จะนอนไม่หลับเพราะความหึงหวง
ข้อที่ ๑๑ คนเกิดในตระกูลกษัตริย์ที่มีโภคะน้อย แต่อยากเป็นกษัตริย์ ครองราชบัลลังก์

พระสูตรนี้อยู่ในพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๕ ขุททกนิกาย  สุตตนิบาต ข้อที่ ๙๑-๑๑๕ หน้า ๕๒๓-๕๒๘.

เนื้อความเต็มของพระสูตร คัดเอาเฉพาะที่เป็นพระพุทธพจน์

. ปราภวสูตร
ว่าด้วยทางแห่งความเสื่อม
ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้ว่า
สมัยหนึ่ง  พระผู้มีพระภาคประทับอยู่  ณ พระเชตวัน  อารามของอนาถ-บิณฑิกเศรษฐี  เขตกรุงสาวัตถี  ครั้งนั้น  เมื่อราตรีผ่านไป  เทวดาองค์หนึ่งมีวรรณะงดงามยิ่งนัก  เปล่งรัศมีให้สว่างไปทั่วพระเชตวัน  เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค ถึงที่ประทับ  ถวายอภิวาทแล้วยืนอยู่  ณ ที่สมควร  ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคด้วยคาถาว่า
 
[๙๑]    ข้าพระองค์มาทูลถามถึงคนผู้มีแต่ความเสื่อม
          กับพระผู้มีพระภาคผู้โคดมว่า
          อะไรเป็นทางแห่งความเสื่อม
  
[๙๒]   (พระผู้มีพระภาคตรัสตอบดังนี้)
          ผู้เจริญก็รู้ได้ง่าย ผู้เสื่อมก็รู้ได้ง่าย
          ผู้เจริญใคร่ธรรม ผู้เสื่อมชังธรรม
 [๙๔]   คนที่มีอสัตบุรุษเป็นที่รัก ไม่ทำสัตบุรุษให้เป็นที่รัก
          ชอบใจธรรมของอสัตบุรุษ
          นั้นเป็นทางแห่งความเสื่อม
 [๙๖]   คนผู้ชอบหลับอยู่เสมอ ชอบสมาคม
          ไม่ขยันหมั่นเพียร เกียจคร้าน โกรธง่าย
          นั้นเป็นทางแห่งความเสื่อม
 [๙๘]   คนผู้มีความสามารถเลี้ยงตนและผู้อื่นได้
         แต่ไม่เลี้ยงดูมารดาบิดาผู้แก่ชรา ผู้ผ่านวัยหนุ่มวัยสาวแล้ว
          นั้นเป็นทางแห่งความเสื่อม
 [๑๐๐] คนผู้กล่าวมุสาวาท หลอกลวงสมณะหรือพราหมณ์
          หรือแม้กระทั่งวณิพกยาจกอื่น ๆ
          นั้นเป็นทางแห่งความเสื่อม
 [๑๐๒] คนผู้มีทรัพย์มาก มีเงินทองของกินเหลือเฟือ
          กินของอร่อยเพียงคนเดียว
          นั้นเป็นทางแห่งความเสื่อม
 [๑๐๔] คนกระด้างเพราะชาติ กระด้างเพราะทรัพย์
          และกระด้างเพราะโคตร
          ชอบดูหมิ่นญาติของตน
          นั้นเป็นทางแห่งความเสื่อม
 [๑๐๖] คนผู้เป็นนักเลงหญิง นักเลงสุรา และนักเลงการพนัน
          ชอบล้างผลาญทรัพย์สมบัติที่ตนหามาได้ 
          นั้นเป็นทางแห่งความเสื่อม
 [๑๐๘] คนผู้ไม่ยินดีภรรยาของตน ชอบเที่ยวหญิงแพศยา
          ชอบคบชู้สู่สาวภรรยาคนอื่น
          นั้นเป็นทางแห่งความเสื่อม
 [๑๑๐] ชายแก่ได้หญิงสาววัยรุ่น มีถันเท่าผลมะพลับมาเป็นภรรยา
          มักจะนอนไม่ค่อยหลับ เพราะความหึงหญิงสาวรุ่นนั้น
          นั้นเป็นทางแห่งความเสื่อม
 [๑๑๒] คนแต่งตั้งหญิงหรือชายผู้เป็นนักเลง
          ใช้จ่ายเงินทองฟุ่มเฟือย ไว้ในความเป็นใหญ่ 
          นั้นเป็นทางแห่งความเสื่อม
 [๑๑๔] คนผู้เกิดในขัตติยตระกูล มีโภคะน้อย
          แต่มีความมักใหญ่ใฝ่สูง ปรารถนาจะครองราชย์
          นั้นเป็นทางแห่งความเสื่อม
[๑๑๕]  บัณฑิตผู้สมบูรณ์ด้วยทัสสนะอันประเสริฐ 
พิจารณาเห็นทางแห่งความเสื่อมในโลก ดังกล่าวมานี้แล้วท่านย่อมคบโลกที่เจริญแน่นอน

ปราภวสูตรที่ ๖ จบ



2 ความคิดเห็น: