ปราภวสูตร ว่าด้วยทางแห่งความเสื่อม
พระสูตรนี้พระพุทธองค์แสดงทางแห่งความเสื่อมไว้ ๑๑ ข้อ
ซึ่งบางข้ออาจมีเหตุแห่งความเสื่อมอยู่หลายอย่าง เรียงตามลำดับดังนี้
ข้อที่
๑ คนเกลียดชังธรรม
ข้อที่
๒ คนรักอสัตบุรุษ ชอบธรรมของอสัตบุรุษ
ข้อที่
๓ คนชอบนอนหลับ ชอบคลุกคลีกับหมู่ ไม่ขยัน เกียจคร้าน โกรธง่าย
ข้อที่
๔ คนที่สามารถเลี้ยงตนเองและผู้อื่นได้ แต่ไม่เลี้ยงดูมารดาบิดา ผู้แก่ชรา
ข้อที่
๕ คนชอบพูดคำเท็จ หลอกลวงสมณะหรือพราหมณ์ หรือแม้กระทั่งพวกวณิพกขอทาน
ข้อที่
๖ คนมีเงินเหลือกินเหลือใช้แต่กินของอร่อยคนเดียวไม่เอื้อเฟื้อคนอื่น
ข้อที่
๗ คนหยิ่งหรือกระด้างเพราะชาติ หยิ่งเพราะทรัพย์ หยิ่งเพราะโคตร
ชอบดูหมิ่นญาติของตน
ข้อที่
๘ เป็นคนเจ้าชู้ ชอบเล่นการพนัน ชอบล้างผลาญทรัพย์ที่หามาได้
ข้อที่
๙ ไม่ยินดีในภรรยาหรือสามีของตน ชอบเที่ยวกับหญิงแพศยา หรือชอบคบชู้สู่สามีหรือภรรยาของคนอื่น
ข้อที่
๑๐ คนแก่ได้เมียสาว
จะนอนไม่หลับเพราะความหึงหวง
ข้อที่
๑๑ คนเกิดในตระกูลกษัตริย์ที่มีโภคะน้อย แต่อยากเป็นกษัตริย์ ครองราชบัลลังก์
พระสูตรนี้อยู่ในพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๕ ขุททกนิกาย สุตตนิบาต ข้อที่ ๙๑-๑๑๕ หน้า ๕๒๓-๕๒๘.
เนื้อความเต็มของพระสูตร คัดเอาเฉพาะที่เป็นพระพุทธพจน์
๖. ปราภวสูตร
ว่าด้วยทางแห่งความเสื่อม
ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้ว่า
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน
อารามของอนาถ-บิณฑิกเศรษฐี เขตกรุงสาวัตถี ครั้งนั้น
เมื่อราตรีผ่านไป เทวดาองค์หนึ่งมีวรรณะงดงามยิ่งนัก เปล่งรัศมีให้สว่างไปทั่วพระเชตวัน เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค ถึงที่ประทับ ถวายอภิวาทแล้วยืนอยู่ ณ ที่สมควร
ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคด้วยคาถาว่า
[๙๑] ข้าพระองค์มาทูลถามถึงคนผู้มีแต่ความเสื่อม
กับพระผู้มีพระภาคผู้โคดมว่า
อะไรเป็นทางแห่งความเสื่อม
[๙๒] (พระผู้มีพระภาคตรัสตอบดังนี้)
ผู้เจริญก็รู้ได้ง่าย ผู้เสื่อมก็รู้ได้ง่าย
ผู้เจริญใคร่ธรรม ผู้เสื่อมชังธรรม
[๙๔] คนที่มีอสัตบุรุษเป็นที่รัก
ไม่ทำสัตบุรุษให้เป็นที่รัก
ชอบใจธรรมของอสัตบุรุษ
นั้นเป็นทางแห่งความเสื่อม
[๙๖] คนผู้ชอบหลับอยู่เสมอ ชอบสมาคม
ไม่ขยันหมั่นเพียร เกียจคร้าน โกรธง่าย
นั้นเป็นทางแห่งความเสื่อม
[๙๘] คนผู้มีความสามารถเลี้ยงตนและผู้อื่นได้
แต่ไม่เลี้ยงดูมารดาบิดาผู้แก่ชรา
ผู้ผ่านวัยหนุ่มวัยสาวแล้ว
นั้นเป็นทางแห่งความเสื่อม
[๑๐๐] คนผู้กล่าวมุสาวาท
หลอกลวงสมณะหรือพราหมณ์
หรือแม้กระทั่งวณิพกยาจกอื่น ๆ
นั้นเป็นทางแห่งความเสื่อม
[๑๐๒] คนผู้มีทรัพย์มาก มีเงินทองของกินเหลือเฟือ
กินของอร่อยเพียงคนเดียว
นั้นเป็นทางแห่งความเสื่อม
[๑๐๔] คนกระด้างเพราะชาติ กระด้างเพราะทรัพย์
และกระด้างเพราะโคตร
ชอบดูหมิ่นญาติของตน
นั้นเป็นทางแห่งความเสื่อม
[๑๐๖] คนผู้เป็นนักเลงหญิง นักเลงสุรา
และนักเลงการพนัน
ชอบล้างผลาญทรัพย์สมบัติที่ตนหามาได้
นั้นเป็นทางแห่งความเสื่อม
[๑๐๘] คนผู้ไม่ยินดีภรรยาของตน
ชอบเที่ยวหญิงแพศยา
ชอบคบชู้สู่สาวภรรยาคนอื่น
นั้นเป็นทางแห่งความเสื่อม
[๑๑๐] ชายแก่ได้หญิงสาววัยรุ่น
มีถันเท่าผลมะพลับมาเป็นภรรยา
มักจะนอนไม่ค่อยหลับ
เพราะความหึงหญิงสาวรุ่นนั้น
นั้นเป็นทางแห่งความเสื่อม
[๑๑๒] คนแต่งตั้งหญิงหรือชายผู้เป็นนักเลง
ใช้จ่ายเงินทองฟุ่มเฟือย
ไว้ในความเป็นใหญ่
นั้นเป็นทางแห่งความเสื่อม
[๑๑๔] คนผู้เกิดในขัตติยตระกูล
มีโภคะน้อย
แต่มีความมักใหญ่ใฝ่สูง ปรารถนาจะครองราชย์
นั้นเป็นทางแห่งความเสื่อม
[๑๑๕] บัณฑิตผู้สมบูรณ์ด้วยทัสสนะอันประเสริฐ
พิจารณาเห็นทางแห่งความเสื่อมในโลก
ดังกล่าวมานี้แล้วท่านย่อมคบโลกที่เจริญแน่นอน
ปราภวสูตรที่ ๖ จบ
สุดยอดครับพระอาจารย์
ตอบลบขอบคุณมากสำหรับคำชม และขอบคุณที่เข้าชมบล็อก
ตอบลบ