วันจันทร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2555

กุลสูตร ว่าด้วยตระกูลที่ภิกษุไม่ควรเข้าไปหาและควรเข้าไปหา

            
พระสูตรนี้นำเสนอเพื่อให้พระภิกษุสามเณร  และคฤหัสถ์ได้นำไปพิจารณา  ตามสมควรแก่สติปัญญา และสถานการณ์ 
พระสูตรนี้อยู่ในพระไตรปิฎก ฉบับ มจร. เล่มที่ ๒๓ ข้อ ๑๓ หน้า ๑๙ อังคุตตรนิกาย  สัตตกนิบาต  


. กุลสูตร๑
      ว่าด้วยตระกูลที่ภิกษุไม่ควรเข้าไปหาและควรเข้าไปหา

            [๑๓]    ภิกษุทั้งหลาย    ตระกูลที่ประกอบด้วยองค์    ๗    ประการ    ภิกษุยังไม่เคย
เข้าไปหา    ก็ไม่ควรเข้าไปหา    หรือเข้าไปหาแล้ว    ก็ไม่ควรนั่งใกล้
            องค์    ๗    ประการ    อะไรบ้าง    คือ
            ตระกูล
                        ๑.    ต้อนรับด้วยความไม่เต็มใจ
                        ๒.    ไหว้ด้วยความไม่เต็มใจ
                        ๓.    ให้อาสนะด้วยความไม่เต็มใจ
                        ๔.    ปกปิดของที่มีอยู่
                        ๕.    มีของมาก    แต่ถวายน้อย
                        ๖.    มีของประณีต    แต่ถวายของเศร้าหมอง
                        ๗.    ถวายโดยไม่เคารพ    ไม่ถวายโดยเคารพ
            ภิกษุทั้งหลาย    ตระกูลที่ประกอบด้วยองค์    ๗    ประการนี้แล    ภิกษุยังไม่เคยเข้า
ไปหา    ก็ไม่ควรเข้าไปหา    หรือเข้าไปหาแล้ว    ก็ไม่ควรนั่งใกล้
            ภิกษุทั้งหลาย    ตระกูลที่ประกอบด้วยองค์    ๗    ประการ    ภิกษุยังไม่เคยเข้าไปหา
ควรเข้าไปหา    หรือเข้าไปหาแล้ว    ควรนั่งใกล้
            องค์    ๗    ประการ    อะไรบ้าง    คือ
            ตระกูล
                        ๑.    ต้อนรับด้วยความเต็มใจ
                        ๒.    ไหว้ด้วยความเต็มใจ
                        ๓.    ให้อาสนะด้วยความเต็มใจ
                        ๔.    ไม่ปกปิดของที่มีอยู่
                        ๕.    มีของมาก    ก็ถวายมาก
                        ๖.    มีของประณีต    ก็ถวายของประณีต
                        ๗.    ถวายโดยเคารพ    ไม่ถวายโดยไม่เคารพ
            ภิกษุทั้งหลาย    ตระกูลที่ประกอบด้วยองค์    ๗    ประการนี้แล    ภิกษุยังไม่เคยเข้า
ไปหา    ควรเข้าไปหา    หรือเข้าไปหาแล้ว    ควรนั่งใกล้
                  กุลสูตรที่ ๓ จบ

สา้เหตุที่พระพุทธองค์ตรัสพระสูตรนี้เพราะมีเรื่องเกิดขึ้น คือ พระเจ้าปเสนทิโกศล นิมนต์พระภิกษุไปรับอาหารบิณฑบาตในพระราชวัง  พระองค์ได้จัดของมาถวายด้วยพระองค์เองอยู่สองสามวัน  หลังจากนั้น  พระองค์ก็ลืม และไม่ได้สั่งคนอื่นทำแทน ตามธรรมเนียมของพระราชวัง ถ้าไม่ได้รับคำสั่งจะมีใครกล้าทำอะไร  จึงเป็นเหตุให้ไม่มีใครนำภัตตาหารมาถวายพระภิกษุที่ไปรับ  เป็นอย่างนี้ติดต่อกันหลายวัน  จนพระภิกษุลดน้อยลง  ในที่สุดเหลือพระอานนท์เพียงรูปเดียว  ต่อมาพระราชานึกขึ้นได้ว่านิมนต์พระภิกษุมารับอาหารบิณฑบาต จึงเตรียมของมาถวาย  แต่มีพระอานนท์รูปเีดียวมารับ  พระองค์จึงเสียพระทัย  เข้าใจว่า พระภิกษุไม่ให้ความสำคัญต่อพระองค์ จึงไปเฝ้าพระพุทธเจ้า แล้วกราบทูลเรื่องทั้งหมดให้พระองค์ทราบ  พระพุทธองค์ ตรัสปลอบใจพระราชาว่า ไม่ใช่พระภิกษุไม่ให้ความสำคัญต่อพระองค์  พระภิกษุไปแล้วแต่ไม่มีใครนำภัตตาหารมาถวาย  หลายวันเข้าพระภิกษุจึงลดลงเพราะไปแล้วไม่ได้ภัตตาหาร  จนเหลือพระอานนท์รูปเดียว  


หลังจากที่พระเจ้าปเสนทิโกศล  กลับไปแล้วพระองค์จึงให้ประชุมสงฆ์แล้วตรัสพระสูตรนี้ มีใจความตามที่ปรากฏในพระสูตรข้างบนนี้  


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น