พระสูตรนี้พระพุทธองค์ แสดงให้เห็นความสำคัญของ ความสามัคคี ถ้าสังคมใด ไม่ว่าจะเป็นสังคมเล็ก ๆ เช่น ครอบครัว เพื่อนฝูง ชุมชน หรือสังคมใหญ่ ๆ เช่น ประเทศชาติ ทวีป และชาวโลกทั้งหมด ถ้าคนในสังคมนั้น ๆ มีความสามัคคีกันแล้ว จะทำให้มีแต่ความเจริญฝ่ายเดียว สังคมจะอยู่ด้วยกันอย่างอบอุ่น ร่มเย็น เป็นสุขกันทั่วหน้า จะประกอบกิจการงานอะไร ก็จะประสบความสำเร็จ เจริญก้าวหน้า
พระสูตรนี้อยู่ในพระไตรปิฎก ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่มที่ ๒๕ ขุททนิกาย ธรรมบท ข้อที่ ๑๙ หน้า ๓๖๒-๓๖๓.
ส่่วนในพระไตรปิฎกฉบับอื่น จะตั้งชื่อว่า โมทสูตร อยู่ในเล่มเดียวกัน และอยู่คนละข้อ และคนละหน้า ดังที่นำมาเสนอไว้ต่อจากฉบับของ มหาจุฬาฯ (มจร.) นี้
๙. สังฆสามัคคีสูตร
ว่าด้วยการทำสงฆ์ให้สามัคคีกัน
[๑๙] แท้จริง พระสูตรนี้ พระผู้มีพระภาคตรัสไว้แล้ว พระสูตรนี้ พระอรหันต์กล่าวไว้แล้ว ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้
ภิกษุทั้งหลาย ธรรมอย่างหนึ่ง เมื่อเกิดขึ้นในโลก ย่อมเกิดขึ้นเพื่อเกื้อกูลแก่คนหมู่มาก เพื่อความสุขแก่คนหมู่มาก เพื่อประโยชน์ เพื่อเกื้อกูลแก่คนหมู่มาก เกิดขึ้นเพื่อความสุขแก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย
ธรรมอย่างหนึ่ง คืออะไร
คือ สังฆสามัคคี
ภิกษุทั้งหลาย ก็เมื่อสงฆ์พร้อมเพรียงกัน ย่อมไม่มีความบาดหมางกัน ไม่มีการข่มขู่กัน ไม่มีการด่าว่ากัน และไม่มีการขับไล่กัน ในเพราะความสามัคคีของสงฆ์นั้น ชนทั้งหลายที่ยังไม่เลื่อมใส ก็เลื่อมใส ส่วนชนทั้งหลายที่เลื่อมใสแล้ว ก็เลื่อมใส ยิ่ง ๆ ขึ้นไปŽ
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสเนื้อความดังกล่าวมานี้แล้ว ในพระสูตรนั้น จึงตรัส คาถาประพันธ์ดังนี้ว่า
ความสามัคคีแห่งสงฆ์ เป็นเหตุให้เกิดสุข
และบุคคลผู้อนุเคราะห์สงฆ์ผู้สามัคคีกันแล้ว
ผู้ยินดีในความสามัคคีกัน ตั้งอยู่ในธรรม
ย่อมไม่พลาดจากธรรมอันเป็นแดนเกษมจากโยคะ
ย่อมบันเทิงในสวรรค์ตลอดกัป เพราะสมานสงฆ์ให้สามัคคีกัน๑
แม้เนื้อความนี้ พระผู้มีพระภาคก็ตรัสไว้แล้ว ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้แล
สังฆสามัคคีสูตรที่ ๙ จบ
๙. โมทสูตร [๑๙๗] จริงอยู่ พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาคตรั สแล้ว พระสูตรนี้
พระผู้มีพระภาคผู้เป็นพระอรหั นต์ตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น
ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วว่าดูกรภิ กษุทั้งหลาย ธรรมอย่างหนึ่งเมื่อเกิดขึ้ นในโลก
ย่อมเกิดขึ้นเพื่อเกื้อกูลแก่ ชนเป็นอันมาก เพื่อความสุขแก่ชนเป็น
อันมาก เพื่อประโยชน์แก่ชนเป็นอันมาก เพื่อเกื้อกูล เพื่อความสุขแก่เทวดาและมนุษย์
ทั้งหลาย ธรรมอย่างหนึ่งเป็นไฉน คือ สังฆสามัคคี ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็เมื่อสงฆ์พร้อม
เพรียงกันอยู่ย่อมไม่มี การบาดหมางซึ่งกันและกัน ไม่มีการบริภาษซึ่งกันและกัน ไม่มีการ
ขับไล่ซึ่งกันและกัน ในเพราะสังฆสามัคคีนั้น ชนทั้งหลายผู้ยังไม่เลื่อมใสย่ อมเลื่อมใส
และชนผู้เลื่อมใสแล้วย่อมเลื่ อมใสยิ่งๆ ขึ้นไป ฯ
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสเนื้ อความนี้แล้ว ในพระสูตรนั้น พระผู้มีพระภาคตรัสคาถา
ประพันธ์ดังนี้ว่า
ความพร้อมเพรียงของหมู่ให้เกิ ดสุข และการอนุเคราะห์ซึ่งหมู่ผู้พร้ อม
เพรียงกันให้เกิดสุข ผู้ยินดีแล้วในหมู่ผู้พร้อมเพรี ยงกัน ตั้งอยู่ในธรรม
ย่อมไม่เสื่อมจากธรรมอั นเกษมจากโยคะ ผู้นั้นกระทำหมู่ให้พร้อมเพรียง
กันแล้ว ย่อมบันเทิงในสวรรค์ตลอดกัป ฯ
เนื้อความแม้นี้พระผู้มี พระภาคตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วฉะนี้แล ฯ
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๕ /๑๙๗/๑๗๐.
สุตตันตปิฎก เล่ม ๑๗ ขุททกนิกาย ขุททกปาฐ-ธรรมบท-อุทาน-อิตอวุ ตตก-สุตตนิบาต - หน้าที่ ๑๗๐.
นอก จากที่ปรากฏในพระสูตรนี้แล้วยัง ยังมีปรากฏเป็นข้อที่ ๒ ในจำนวน ๗ ข้อ ในมหาปรินิพพานสูตร ตอนว่าด้วยภิกขุอปริหานิยธรรม ๗ ประการ ในพระสูตรนั้น พระองค์ตรัสว่า ถ้าตราบใดที่พระภิกษุยังมีความสามัคคีกัน ทำกิจการต่าง ๆ ของสงฆ์อยู่ สงฆ์หมู่นั้น ๆ ก็จะมีแต่ความเจริญฝ่ายเดียวไม่มีความเสื่อม คือ ประชุมพร้อมกัน เลิกพร้อมกัน เมื่อมีกิจของสงฆ์เกิดขึ้นก็ช่วยกันทำ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น