วันศุกร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ประมวลภาพงานวางศิลาฤกษ์ฐานพระประธานประจำลานธรรม ๑ (๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕)





ตอน เช้าเริ่มงาน เปิดโอกาสให้ญาติโยมได้ร่วมเป็นเจ้าภาพแผ่นทองเหลืองสำหรับหล่อองค์พระ ประธาน ตามกำลังศรัทธา ญาติโยมให้ความสนใจมาก พากันร่วมบริจาคกัน ในแผ่นทองด้านหนึ่งจารึกพระพุทธมนต์ไว้เพื่อความศักดิ์สิทธิ์ขององค์พระ ด้านหนึ่งว่างไว้ ให้ญาติโยมได้เขียนชื่อ นามสกุล ตลอดจนคำอธิษฐานต่าง ๆ ลงไป เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต 







พอได้แผ่นทองแล้วก็พากันมาเขียนชื่อ นามสกุล และคำอธิษฐาน ต่าง ๆ ตามอัธยาศัย ดูแต่ละคนก็มีความสุขกันถ้วนหน้า เพราะนาน ๆ ครั้ง จะมีโอกาสได้ร่วมสร้างองค์พระสักครั้งหนึ่ง บางคนเกิดมาจนใกล้จะกลับบ้านเก่าแล้วยังไม่เคยได้ร่วมพิธีเททองหล่อพระเลย ว่างั้น



งาน ครั้งนี้ไม่ได้บอกข่าวญาติโยมบ้าน ใกล้ชิดติดกัน เป็นการทำภายในเน้นความเรียบง่าย แต่แฝงไปด้วยความสงบ ร่มเย็น และความสามัคคีของหมู่ คณะ ถึงขนาดนั้นก็ยังมีญาติโยมและพระภิกษุร่วมบริจาค เป็นจำนวนมาก  คาดว่า วันทำพิธีเททองหล่อจริงคงจะมีญาติโยมมาร่วมมากกว่านี้หลายเท่า 





หลวงปู่แก้ว (รูปแรก) ร่วมบริจาคสร้างองค์พระครั้งนี่ เป็นเงินจำนวน ๑๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งหมื่นบาทถ้วน) ท่านบอกว่าไม่เคยทำบุญสร้างพระมาก่อน เคยแต่สร้างกุฏิ วิหาร ขออนุโมทนาบุญกับหลวงปู่






เมื่อเสร็จพิธีวางศิลาฤกษ์ฐานพระประธานแล้ว ญาติโยมก็พากันรับประทานอาหาร ตามอัธยาศัย ซึ่งอาหารส่วนมากก็เป็นของญาติโยมพากันนำมา คนละเล็กละน้อยตามกำลังศรัทธา มีบางคณะก็มาตั้งโรงทาน ก๋วยเตี๋ยวด้วย เพราะเชื่อว่า การตั้งโรงทานมีผลอานิสงส์ยิ่งใหญ่ ก็ขออนุโมทนากับญาติโยมด้วย

อีกมุมหนึ่งในภาพคือ ยายราตรี กับโยมศุภกร แม่ยายกับลูกเขย ต้องมานั่งทานเป็นการเฉพาะ เพราะว่า ทั้งสอง ทานอาหารมังสวิรัติ ส่วนชาวบ้านทานได้ทุกอย่าง ยิ่งมีมังสะ (เนื้อ) มาก ๆ ยิ่งดี





วันนั้นเป็นวันพระแรม ๘ ค่ำ เดือน ๓ จึงมีญาติโยมบางส่วนสมาทานศีลอุโบสถด้วย ตอนเย็นจึงพากันขึ้นมาทำวัตร สวดมนต์บนศาลาโบสถ์ หลังจากที่พากันทำวัตรเย็นที่ปะรำพิธี มาหนึ่งคืนแล้ว  อุโบสถนี้มี อุบาสกอยู่สองคน คือ พ่อประเสริฐ เพชรด่านเหนือ และพ่อประพจน์  ภูศักดิ์ 
เป็นเรื่องปกติธรรมดา ที่งานปฏิบัติธรรมมีผู้ชายน้อยกว่าผู้หญิง เหตุนี้เองจึงทำให้เทพบุตรในสวรรค์ แต่ละองค์มีนางฟ้าเป็นบริวารเป็นพันเป็นหมื่นองค์ เพราะผู้ที่จะไปเกิดเป็นเทพบุตรหายากจริง ๆ




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น