วันพฤหัสบดีที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2554

การจัดอันดับเศรษฐีในประเทศไทย

วันที่ 01 กันยายน พ.ศ. 2554 ปีที่ 21 ฉบับที่ 7581 ข่าวสดรายวัน
 

รายงานจากนิตยสารต่างประเทศจัดอันดับมหาเศรษฐี ๔๐ อันดับของเมืองไทย นี่คือผู้กุมอำนาจของประเทศอย่างแท้จริง

เจ้าสัวซีพีแชมป์เศรษฐีไทย-'แม้ว'รวยขึ้น

พุ่งติดโผ 'ฟอร์บส์' อันดับ19 ทรัพย์สิน 1.8หมื่นล.

'ฟอร์บส์' จัดอันดับ 40 อภิมหาเศรษ ฐีไทย 'เจ้าสัว ธนินท์' แห่งอาณาจักรซีพี ครองอันดับ 1 รวยไม่ลืมหูลืมตา 2 แสนล้านบาท ตามด้วย 'เฉลียว-เจ้าพ่อกระทิงแดง' และ 'เสี่ยเจริญ-เบียร์ช้าง' มีทรัพย์สินมูลค่าทะลุหลักแสนล้านเช่นเดียวกัน ด้าน 'เสี่ยแม้ว'ทักษิณ ชินวัตร พุ่งพรวดขยับจากอันดับ 23 มาอยู่ 19 มีทรัพย์สินกว่า 18,000 ล้านบาท หลังจากหุ้นเอสซี แอสเสท ปรับตัวสูงถึง 2 เท่า ชี้ความมั่งคั่งเศรษฐีไทยมีปัจจัยเกื้อหนุนจากความร้อนแรงในตลาดหุ้นกับระบบ เศรษฐกิจ ที่โตต่อเนื่อง ประกอบกับสถานการณ์บ้าน เมืองดีขึ้น

เมื่อ วันที่ 31 ส.ค. เว็บไซต์ "ฟอร์บส์" นิตยสารเศรษฐกิจ-การเงินชื่อดังของประเทศสหรัฐอเมริกา รายงานข่าวเรื่อง "Thailand's 40 Richest." เขียนโดยนายไบรอัน เมอร์เทนส์ เปิดเผยผลจัดอันดับ 40 มหาเศรษฐีไทยประจำปีพ.ศ.2554 โดยปีนี้ฟอร์บส์ตั้งเกณฑ์ว่าบุคคล ที่จะมีชื่อติดโผฟอร์บส์ได้ต้องมีทรัพย์สินเกิน 190 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 5,700 ล้านบาท

ผลการจัดอันดับปรากฏว่า นายธนินท์ เจียร วนนท์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) ครองแชมป์อันดับ 1 มีมูลค่าทรัพย์สินมหาศาล 7,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 222,081 ล้านบาท ตามด้วยอันดับ 2 นายเฉลียว อยู่วิทยา ผู้ก่อตั้งธุรกิจเครื่องดื่มกระทิงแดง หรือ "เรดบูล" มีทรัพย์สิน 5,000 ล้านดอลลาร์ หรือ 150,054 ล้านบาท และอันดับ 3 นายเจริญ สิริวัฒนภักดี เจ้าของธุรกิจกลุ่มไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหา ชน) มีทรัพย์สิน 4,800 ล้านดอลลาร์ หรือ 144,052 ล้านบาท ขณะที่ไฮไลต์ปีนี้มุ่งเป้าไป ยังพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งติดอันดับ 19 มีทรัพย์สินรวม 600 ล้านดอลลาร์ หรือ 18,006 ล้านบาท ถือว่าสูงกว่าปีก่อนซึ่งติดอันดับ 23 ถึง 53 เปอร์เซ็นต์ เพราะได้อานิสงส์จากการที่ราคาหุ้น "เอสซี แอสเสท" บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของตระกูลชินวัตร พุ่งทะยาน 2 เท่าตัว

ฟอร์บส์ รายงานว่า ความมั่งคั่งร่ำรวยของมหาเศรษฐีไทยทั้ง 40 คนรวมกันนั้นสูงถึง 45,000 ล้านดอลลาร์ หรือ 1.35 ล้านล้านบาท ตลอด 12 เดือนที่ผ่านมาความตึงเครียดทางการเมืองในไทยยังมีอยู่ แต่สถานการณ์ค่อยๆ สงบเรียบร้อยขึ้นตามลำดับหลังจากเกิดเหตุนองเลือดเมื่อปีก่อนหน้า กระทั่งเป็นปัจจัยบวกช่วยให้มูลค่าการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ รวมถึงระบบเศรษฐกิจเติบโตต่อเนื่อง โดยดัชนีซื้อขายตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยทั้งปี 2554 พุ่งแรงที่สุดในรอบ 15 ปี สูงกว่าปีก่อนหน้า 21.7 เปอร์เซ็นต์ ส่วนอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทต่อเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น 6.1 เปอร์เซ็นต์ คาดว่าตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของไทย (จีดีพี) ปีนี้น่าจะขยายตัวแตะ 4 เปอร์ เซ็นต์ โดยมีแรงหนุนจากรายได้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวและการส่งออกที่ฟื้นตัวแข็งแกร่ง ขึ้น

ฟอร์บส์ ระบุว่า มหาเศรษฐีไทยมาแรงที่สุดประจำปีนี้ คือ น.พ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ ติดอันดับ 17 มีทรัพย์สินรวม 620 ล้านดอลลาร์ หรือราว 18,606 ล้านบาท ปรับตัวสูงกว่าปีก่อน 138 เปอร์เซ็นต์ ที่มาความร่ำรวยเกิดจากธุรกิจสายการบินบางกอกแอร์เวย์สของน.พ. ปราเสริฐหวนกลับมาทำกำไรอีกครั้ง และหุ้นธุรกิจกลุ่มโรงพยาบาลที่ถือไว้ก็ขยับสูงขึ้นเช่นกัน ส่วนมหาเศรษฐีไทย 3 คน ซึ่งมีชื่อติดโผปีก่อน แต่ปีนี้ทรัพย์สินลดลงด้วยสาเหตุคล้ายคลึงกัน คือ มูลค่าหุ้นที่ถือครองอยู่ลดต่ำลง ได้แก่ นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธ์ เจ้าของพฤกษาเรียลเอส เตท ติดอันดับ 11, นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ (บีทีเอส) อันดับ 16 และนายวิทย์ วิริยะประไพกิจ ผู้บริหารสหวิริยา สตีล อิน ดัสตรี้ อันดับ 25

สำหรับรายชื่อมหา เศรษฐีไทยปี 2554 จากการจัดอันดับของฟอร์บส์ ประกอบด้วย 1.นายธนินท์ เจียรวนนท์ เจ้าของเครือเจริญโภคภัณฑ์ 7,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ 2.นายเฉลียว อยู่วิทยา ผู้ก่อตั้งธุรกิจเครื่องดื่มกระทิงแดง 5,000 ล้านดอลลาร์ 3.นายเจริญ สิริวัฒนภักดี เจ้าของธุรกิจกลุ่มไทยเบฟ 4,800 ล้านดอลลาร์ 4. ตระกูลจิราธิวัฒน์ เครือเซ็นทรัล 4,300 ล้านดอลลาร์ 5.นายกฤตย์ รัตนรักษ์ ประธานกรรมการสถานีโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 7 และครอบครัว 2,500 ล้านดอลลาร์ 6.นายอาลก โลเฮีย ผู้บริหารกลุ่มบริษัทอินโดรามา ทำธุรกิจเกี่ยวกับเม็ดพลาสติก 2,100 ล้านดอลลาร์ 7.นายจำนงค์ ภิรมย์ภักดี ประธานบริษัทบุญรอดบริวเวอรี่ 2,000 ล้านดอลลาร์ 8.นายวิชัย มาลีนนท์ เจ้าของกิจการบีอีซีเวิลด์และไทยทีวีสี ช่อง 3 มูลค่าทรัพย์สิน 1,500 ล้านดอลลาร์ 9.นายอิสระ ว่องกุศลกิจ กลุ่มบริษัทมิตรผล 1,400 ล้านดอลลาร์ 10.คุณหญิงประณีตศิลป์ วัชรพล เจ้าของหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ 1,050 ล้านดอลลาร์

อันดับ 11.นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธ์ เจ้าของกิจการพฤกษาเรียลเอสเตท 1,000 ล้านดอลลาร์ 12.นายวาณิช ไชยวรรณ เจ้าของกิจการไทยประกันชีวิต 930 ล้านดอลลาร์ 13.นายประยุทธ มหากิจศิริ กลุ่มกิจการเหล็กกล้า ไทยน็อกซ์ 900 ล้านดอลลาร์ 14.นางสุรางค์ เปรมปรีดิ์ ผู้บริหารช่อง 7 ทรัพย์สิน 790 ล้านดอลลาร์ 15.นายอนันต์ อัศวโภคิน ผู้ก่อตั้งบริษัท แลนด์ แอนด์ เฮาส์ 750 ล้านดอลลาร์ 16.นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ (บีทีเอส) 625 ล้านดอลลาร์ 17.น.พ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ ผู้ก่อตั้งสายการบินบางกอก แอร์เวย์ส 620 ล้านดอลลาร์ 18.นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ ประ ธานเครือบริษัท ไทยซัมมิต 610 ล้านดอลลาร์ 19.พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และครอบครัว 600 ล้านดอลลาร์ 20.นายบุญชัย เบญจรงคกุล ประธานกรรมการ บริษัท เบญจจินดา โฮลดิ้ง จำกัด ผู้ก่อตั้งบริษัทโทรคมนาคม ดีแทค 550 ล้านดอลลาร์

อันดับ 21.นายไกรสร ชาญสิริ ผู้ก่อตั้งกิจการทูน่ากระป๋อง ไทย ยูเนียน ฟรอซเซน 460 ล้านดอลลาร์ 22.นายจำรูญ ชินธรรมมิตร์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท น้ำตาลขอน แก่น จำกัด (มหาชน) 440 ล้านดอลลาร์ 23.นายวิลเลียม อี. ไฮเนคกี้ เจ้าของกิจการเครือไมเนอร์ 425 ล้านดอลลาร์ 24.นายสรรเสริญ จุฬางกูร ผู้ก่อตั้งสามมิตรมอเตอร์ 420 ล้านดอลลาร์ 25.นายวิทย์ วิริยะประไพกิจ ผู้บริหารสหวิริยา สตีล อินดัสตรี้ 380 ล้านดอลลาร์ 26.นายวรวิทย์ วีรบวรพงศ์ บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน) 360 ล้านดอลลาร์ 27. นิชิต้า ชาห์ สืบทอดกิจการพรีเชียส ชิพปิ้ง จำกัด (มหาชน) ต่อจากบิดา ทรัพย์สิน 340 ล้านดอลลาร์ 28.นายพงษ์ศักดิ์ วิทยากร ผู้ก่อตั้ง ร.พ.กรุงเทพ 310 ล้านดอลลาร์ 29.นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ผู้ก่อตั้งบริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) 300 ล้านดอลลาร์ 30.นายวิชา พูลวรลักษณ์ เจ้าของกิจการกลุ่มเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ 265 ล้านดอลลาร์ อันดับ 31.นางนิจพร จรณะจิตต์ หนึ่งในผู้ถือหุ้นรายใหญ่บริษัทรับเหมาก่อสร้าง อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) 260 ล้านดอลลาร์

ผู้สื่อ ข่าวระบุว่า จากการตรวจสอบข้อมูลการจัดอันดับ 40 มหาเศรษฐีไทยในเว็บฟอร์บส์ดังกล่าว ปรากฏว่า ในช่วงท้ายตั้งแต่อันดับ 32-40 มีข้อมูลไม่ครบถ้วนและผิดพลาดบางอันดับ จึงไม่ได้นำมารายงานไว้ แต่มีชื่อมหาเศรษฐีผู้เป็นที่รู้จักกันดีในแวดวงธุรกิจติดกลุ่ม อาทิ นายรุ่งโรจน์ แสงศาสตรา ประธานกรรมการ บริษัท ไดนาสตี้ เซรามิค จำกัด (มหาชน) 250 ล้านดอลลาร์, นายพิชญ์ โพธารามิก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทจัสมิน 245 ล้านดอล ลาร์, นายเปรมชัย กรรณสูต ผู้บริหารสูงสุดอิตาเลียนไทย 240 ล้านดอลลาร์, นายประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) 230 ล้านดอลลาร์, นายเฉลิม อยู่วิทยา (บุตรชายนายเฉลียว อยู่วิทยา) ผู้บริหารกระทิงแดง 225 ล้านดอลลาร์, นางพรดี ลี้อิสระนุกูล กิจการกลุ่มบริษัทสิทธิผล 200 ล้านดอลลาร์ และนายวิชัย รักศรีอักษร ผู้ก่อตั้งบริษัทคิงเพาเวอร์ 195 ล้านดอลลาร์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น