วันพฤหัสบดีที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2554

อิณสูตร ว่าด้วยความเป็นหนี้


เจริญสุข  เจริญธรรม  ญาติธรรม ทั้งหลาย  
วันนี้นำเอาพระสูตรที่พูดเกี่ยวกับการกู้หนี้ ๒ มิติ คือมิดิแรกเกี่ยวกับการประกอบอาชีพ มิติที่สอง เกี่ยวกับศีลธรรม พระสูตรนี้สรุปใจความได้ว่า คนจนจำเป็นต้องกู้หนี้เพื่อนำมาประกอบกิจการ  แต่การกู้หนี้นั้นต้องเสียดอกเบี้ยให้เจ้าหนี้ เมื่อเสียดอกเบี้ยไม่ตรงเวลา เขาก็ตามทวง ถ้าหาเงินให้เขาไม่ทันก็ย่อมจะเป็นทุกข์เพราะต้องหลบๆ ซ่อนๆ เพื่อหนีการทวงหนี้ ในทางศีลธรรมพระองค์ตรัสว่า ผู้ที่ไม่มีศรัทธา ไม่มีหิริโอตตัปปะ ไม่มีความเพียร มีปัญญาน้อย จะชอบประพฤติทุจริตทางกาย วาจา ใจ เป็นต้นว่า ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดประเวณี พูดเท็จ ดื่มของมึนเมา  การทำอย่างนี้ของเขา เปรียบเหมือนกับคนจนกู้หนี้ ถ้าทำบ่อยๆ ก็เหมือนกับการกู้หนี้บ่อยๆ เมื่อกู้หนี้บ่อยก็ต้องเสียดอกเบี้ยบ่อย ถ้าไม่จ่ายดอกเบี้ยเขาก็ตามทวง เป็นเหตุให้อยู่เป็นทุกข์เพราะถูกทวงหนี้ 
พระองค์ตรัสเปรียบเทียบต่อไปว่า การประพฤติทุจริตแล้วปกปิดไว้เพราะกลัวคนอื่นรู้จัก เหมือนกับการเสียดอกเบี้ย การที่คนอื่นรู้แล้วนำมาพูดต่อไป เหมือนกับการถูกทวงหนึ้  การที่บุคคลนั้นคิดหรือนึกขึ้นมาทีไรก็เกิดความสลดใจหรือหดหู่ใจกับการกระทำของตนในอดีตที่ผ่านมา  เปรียบเหมือนกับการถูกตามทวงหนี้
ก็ลองนึกดูภาพเอาก็แล้วกันว่า คนมีหนี้จะเป็นทุกข์แค่ไหน สมกับพระพุทธพจน์ว่า อิณาทานํ ทุกฺขํ โลเก  การกู้หนี้เป็นทุกข์ในโลก
 ในพระสูตรนี้พระพุทธองค์ได้ตรัสว่า คติ ของคนประพฤติทุจริตบ่อยๆ มีอยู่  ๒ อย่าง คือ กำเนิดสัตวเดรัจฉาน และนรก พระองค์ตรัสว่ากำเนิดทั้ง ๒ นี้ เปรียบเหมือนกับเรือนจำ และเป็นเรือนจำที่ร้ายกาจกว่าเรือนจำอื่นๆ บนโลกมนุษย์ ฟังแล้วก็น่ากลัวมาก เพื่อหลีกเลี่ยงจากภัยดังกล่าวก็ขอให้เว้น จากการทุจริตให้ไกลๆ ไว้นะครับ 
พระสูตรนี้อยู่ในพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๒ อังคุตตรนิกาย   อ่านเนื้อความจากพระสูตรได้ แต่ที่นำมานี้ยังไม่หมดครับ เอามาเฉพาะที่เห็นว่าสำคัญเท่านั้น
. อิณสูตร
ว่าด้วยความเป็นหนี้
[๔๕] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ภิกษุทั้งหลาย ความยากจนเป็นทุกข์ของกามโภคีบุคคล๑ในโลก
ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า อย่างนั้น พระพุทธเจ้าข้า
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ภิกษุทั้งหลาย คนจนเข็ญใจยากไร้ ย่อมกู้หนี้ แม้การกู้หนี้ก็เป็นทุกข์ของกามโภคีบุคคลในโลก
อย่างนั้น พระพุทธเจ้าข้า
ภิกษุทั้งหลาย คนจนเข็ญใจยากไร้ ครั้นกู้หนี้แล้ว ย่อมใช้ดอกเบี้ย แม้การใช้ดอกเบี้ยก็เป็นทุกข์ของกามโภคีบุคคลในโลก
อย่างนั้น พระพุทธเจ้าข้า
ภิกษุทั้งหลาย คนจนเข็ญใจยากไร้ ครั้นใช้ดอกเบี้ยแล้ว ไม่ให้ดอกเบี้ยตามกำหนดเวลา พวกเจ้าหนี้ย่อมตามทวงเขา แม้การตามทวงก็เป็นทุกข์ของกามโภคี-บุคคลในโลก
อย่างนั้น พระพุทธเจ้าข้า
ภิกษุทั้งหลาย คนจนเข็ญใจยากไร้ เมื่อถูกเจ้าหนี้ทวง ยังไม่ให้ พวกเจ้าหนี้ย่อมติดตาม แม้การถูกติดตามก็เป็นทุกข์ของกามโภคีบุคคลในโลก
อย่างนั้น พระพุทธเจ้าข้า
ภิกษุทั้งหลาย คนจนเข็ญใจยากไร้ ถูกเจ้าหนี้ติดตามทัน ยังไม่ทันให้ พวกเจ้าหนี้ย่อมจองจำเขา แม้การถูกจองจำก็เป็นทุกข์ของกามโภคีบุคคลในโลก
อย่างนั้น พระพุทธเจ้าข้า
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ภิกษุทั้งหลาย แม้ความยากจนก็เป็นทุกข์ของ กามโภคีบุคคลในโลก แม้การกู้หนี้ก็เป็นทุกข์ของกามโภคีบุคคลในโลก แม้การใช้ดอกเบี้ยก็เป็นทุกข์ของกามโภคีบุคคลในโลก แม้การถูกทวงก็เป็นทุกข์ของกามโภคี- บุคคลในโลก แม้การถูกติตตามก็เป็นทุกข์ของกามโภคีบุคคลในโลก แม้การถูกจองจำก็เป็นทุกข์ของกามโภคีบุคคลในโลก ด้วยประการฉะนี้ ฉันใด
ภิกษุทั้งหลาย บุคคลบางคน ก็ฉันนั้นเหมือนกันแล ไม่มีศรัทธาในกุศลธรรม ไม่มีหิริในกุศลธรรม ไม่มีโอตตัปปะในกุศลธรรม ไม่มีวิริยะในกุศลธรรม ไม่มีปัญญาในกุศลธรรม บุคคลนี้เราก็เรียกว่า เป็นคนจนเข็ญใจยากไร้ในอริยวินัย
ภิกษุทั้งหลาย บุคคลนั้นนั่นแลผู้เป็นคนจนเข็ญใจยากไร้ เมื่อไม่มีศรัทธาในกุศลธรรม เมื่อไม่มีหิริในกุศลธรรม เมื่อไม่มีโอตตัปปะในกุศลธรรม เมื่อไม่มีวิริยะ ในกุศลธรรม เมื่อไม่มีปัญญาในกุศลธรรม ย่อมประพฤติกายทุจริต ประพฤติ วจีทุจริต ประพฤติมโนทุจริต
เรากล่าวว่าการประพฤติทุจริตเช่นนี้ของเขา เป็นการกู้หนี้
เพราะการปกปิดกายทุจริตเป็นเหตุ เขาจึงตั้งความปรารถนาอันชั่วว่า ขอชนเหล่าอื่นอย่ารู้เราเลยดำริว่า ขอชนเหล่าอื่นอย่ารู้เราเลยพูดว่า ขอชนเหล่าอื่นอย่ารู้เราเลย พยายามด้วยกายว่า ขอชนเหล่าอื่นอย่ารู้เราเลย
เพราะการปกปิดวจีทุจริตเป็นเหตุ เขาจึงตั้งความปรารถนาอันชั่ว ฯลฯ
เพราะการปกปิดมโนทุจริตเป็นเหตุ เขาจึงตั้งความปรารถนาชั่วว่า ขอชนเหล่าอื่นอย่ารู้เราเลยดำริว่า ขอชนเหล่าอื่นอย่ารู้เราเลยพูดว่า ขอชนเหล่าอื่นอย่ารู้เราเลยพยายามด้วยกายว่า ขอชนเหล่าอื่นอย่ารู้เราเลย
เรากล่าวว่าการปกปิดทุจริตเป็นเหตุนั้น เป็นการใช้ดอกเบี้ย
เพื่อนพรหมจารีผู้มีศีลเป็นที่รักได้กล่าวกับบุคคลนั้นอย่างนี้ว่า ผู้มีอายุนี้เป็นผู้ทำอย่างนี้ เป็นผู้ประพฤติอย่างนี้
เรากล่าวว่าการถูกว่ากล่าวเช่นนี้ของเขา เป็นการทวงหนี้
บาปอกุศลวิตกที่ประกอบด้วยวิปปฏิสาร(ความร้อนใจ) ย่อมครอบงำบุคคลนั้นผู้ไปสู่ป่า ไปสู่โคนไม้ หรือไปสู่เรือนว่าง
เรากล่าวว่าการถูกบาปอกุศลวิตกครอบงำเช่นนี้ของเขา เป็นการถูกติดตาม
ภิกษุทั้งหลาย บุคคลนั้นนั่นแล เป็นคนจนเข็ญใจยากไร้ ครั้นประพฤติ กายทุจริต ประพฤติวจีทุจริต และประพฤติมโนทุจริต หลังจากตายแล้วย่อมถูก จองจำในเรือนจำคือนรก หรือในเรือนจำคือกำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน
ภิกษุทั้งหลาย เราไม่เห็นเรือนจำอื่นแม้อย่างหนึ่ง ที่ร้ายกาจอย่างนี้ เป็นทุกข์ อย่างนี้ และทำอันตรายแก่การบรรลุนิพพานซึ่งเป็นแดนเกษมจากโยคะอันยอดเยี่ยม อย่างนี้ เหมือนเรือนจำคือนรก หรือเรือนจำคือกำเนิดสัตว์ดิรัจฉานนี้เลย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น