เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์ให้คนฟังเกิดความกลัวต่อผลของวิบากกรรมที่จะเกิดขึ้นกับตน ถ้าทำกรรมตามที่นางเปรตนี้เล่า
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า การทำปาณาติบาตด้วยความอาฆาตพยาบาท เบียดเบียน และการกล่าวคำสาบานด้วยคำเท็จ เป็นบาปมาก
เพราะฉะนั้น ผู้ไม่ต้องการได้รับวิบากดังกล่าวนี้ จึงไม่ควรทำปาณาติบาตด้วยความอาฆาตพยาบาท เบียดเบียน และกล่าวคำสาบานด้วยคำเท็จเพื่อให้ตนเองหลุดพ้นจากข้อกล่าวหา
ปัญจปุตตขาทิกเปติวัตถุ อยู่ในพระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๖ ขุททกนิกาย
๖.
ปัญจปุตตขาทิกเปติวัตถุ
เรื่องนางเปรตกินลูกคราวละ ๕ ตน
(พระสังฆเถระถามว่า)
[๒๖] เธอเปลือยกาย
มีผิวพรรณและรูปร่างน่าเกลียดน่ากลัว
มีกลิ่นเหม็นเน่าฟุ้งไป
หมู่แมลงวันพากันไต่ตอมเกลื่อนกล่น
เธอเป็นใครกันเล่ามายืนอยู่ในที่นี้
(นางเปรตนั้นตอบว่า)
[๒๗] ท่านผู้เจริญ
ดิฉันเกิดเป็นเปรตในยมโลก
ได้รับความลำบาก เพราะทำกรรมชั่วไว้
จึงต้องจากโลกนี้ไปยังเปตโลก
[๒๘] เวลาเช้า
คลอดลูก ๕ คน
เวลาเย็นอีก ๕ คน
แล้วกินลูกเหล่านั้นทั้งหมด
แต่ก็ยังไม่อาจบรรเทาความหิวของดิฉันได้
[๒๙] หัวใจของดิฉันถูกความหิวแผดเผาสุมอยู่
ดิฉันไม่ได้ดื่มน้ำที่ควรดื่ม
ขอเชิญท่านดูดิฉันซึ่งถึงความพินาศเช่นนี้เถิด
(พระเถระถามว่า)
[๓๐] เมื่อก่อน
เธอได้ทำกรรมชั่วทางกาย วาจา ใจอะไรไว้หรือ
เพราะผลกรรมอะไรเธอจึงต้องกินเนื้อลูก
(นางเปรตนั้นตอบว่า)
[๓๑] เมื่อก่อน
หญิงร่วมสามีของดิฉันคนหนึ่งได้ตั้งครรภ์
ดิฉันได้คิดร้ายต่อเธอ มีใจประทุษร้ายได้ทำให้เธอแท้ง
[๓๒] นางตั้งครรภ์
๒ เดือนเท่านั้นก็ตกเลือด
ครั้งนั้น
มารดาของนางโกรธแล้วเชิญญาติของดิฉันมาประชุมซักถาม
ให้ดิฉันสาบาน และขู่เข็ญดิฉันให้กลัว
[๓๓] ส่วนดิฉันนั้นได้กล่าวคำสาบานเท็จอย่างรุนแรงว่า
ถ้าดิฉันทำความชั่วอย่างนี้จริง ขอให้ดิฉันกินเนื้อลูกเถิด
[๓๔] เพราะผลกรรม
คือการทำลายสัตว์มีชีวิต
และการกล่าวเท็จทั้ง ๒
อย่างนั้น
ดิฉันจึงมีกายเปื้อนหนองและเลือด กินเนื้อลูก
ปัญจปุตตขาทิกเปติวัตถุที่ ๖ จบ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น