วันจันทร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

สารีปุตตเถรมาตุเปติวัตถุ เรื่องนางเปรตอดีตมารดาพระสารีบุตรเถระ

 เรื่องนี้เป็นเรื่องของนางเปรตที่เคยเป็นมารดาของพระสารีบุตรเถระ พระอัครสาวกเบื้องขวาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้มีปัญญามากรองจากพระพุทธองค์ ได้พบกับนางเปรตและได้พูดคุยถามความเป็นมาของนางเปรต นางเปรตบอกว่าพระเถระว่า เธอเคยเป็นมารดาของพระเถระในชาติอื่นๆ แต่ได้ทำกรรมที่เป็นบาปไว้มากจึงต้องมาเกิดเป็นเปรต มีรูปร่างผอมโซ กินเลือดและหนองเป็นอาหาร 
นางขอร้องให้พระเถระทำบุญแล้วอุทิศส่วนบุญให้นางบ้าง พระเถระจึงทำตามที่นางขอ โดยสร้างกุฏิ ๔ หลัง ถวายพระสงฆ์ที่มาจาก ๔ ทิศ และถวายข้าว ปลา อาหาร อย่างอื่นด้วย แล้วอุทิศส่วนบุญให้นาง  พอสิ้นคำอุทิศของพระเถระ ผลบุญก็เกิดแก่นาง นางกลายเป็นเทพธิดา มีผิวพรรณผ่องใสงดงาม มีรัศมีแผ่ซ่านออกจากกาย มีเครื่องประดับตกแต่งมากมาย 
จากเรื่องนี้แสดงให้เห็นว่า การทำบุญแล้วอุทิศส่วนบุญให้ญาติผู้ล่วงลับไปแล้ว มีผลต่อญาติของเรา โดยเฉพาะผู้ที่เกิดเป็นเปรต เพราะฉะนั้นชาวพุทธทั้งหลายควรทำบุญแล้วอุทิศส่วนบุญทุกครั้งที่ทำ ผลบุญจะได้ถึงแก่ญาติทั้งหลายของเรา

เรื่องนี้อยู่ในพระไตรปิฎกฉบับ มจร. เล่มที่ ๒๖ ข้อ ๑๑๖_๑๓๓ หน้าอาจจะไม่ตรงกัน ถ้าต้องการค้นหา พิมพ์ชื่อเล่ม และชื่อเรื่องก็คงจะพอ

๒. สารีปุตตเถรมาตุเปติวัตถุ
เรื่องนางเปรตอดีตมารดาพระสารีบุตรเถระ

(พระสารีบุตรเถระถามนางเปรตตนหนึ่งว่า)
[๑๑๖]  แน่ะนางผู้มีร่างกายซูบผอม  มีแต่ซี่โครงผุดขึ้น 
เธอเปลือยกาย  มีผิวพรรณและรูปร่างน่าเกลียดน่ากลัว 
ซูบผอม  มีร่างกายสะพรั่งไปด้วยเส้นเอ็น 
เธอเป็นใครกันเล่ามายืนอยู่  ณ  ที่นี้
(นางเปรตตอบว่า)
[๑๑๗] เมื่อก่อนในชาติอื่น ๆ 
ดิฉันเกิดในตระกูลศากยะ  เป็นมารดาของท่าน 
ดิฉันเข้าถึงเปตวิสัย  ถูกความหิวกระหายครอบงำ
[๑๑๘]  ดิฉันถูกความหิวกระหายครอบงำแล้ว
จึงกินน้ำลาย  น้ำมูก  เสมหะที่เขาถ่มทิ้งแล้ว 
กินมันเหลวซากศพที่ถูกเผาอยู่ 
และกินโลหิตของหญิงทั้งหลายผู้คลอดลูก
[๑๑๙]  กินโลหิตของคนที่มีแผลและผู้ที่ถูกตัดจมูกและศีรษะ 
และกินหนัง  เนื้อ  เอ็นเป็นต้น  ที่อาศัยร่างกายชายหญิง
[๑๒๐]  ดิฉันไม่มีที่พึ่ง  ไม่มีที่อยู่อาศัย  นอนบนเตียงอันแปดเปื้อน 
กินหนองและเลือดของปศุสัตว์และมนุษย์ทั้งหลาย
[๑๒๑]  ลูกน้อยเอ๋ย  ขอลูกจงให้ทานเพื่อแม่ 
ครั้นให้แล้วจงอุทิศส่วนบุญนั้นให้แม่บ้าง 
ถ้ากระไร  แม่จะพึงพ้นจากการกินหนองและเลือด
[๑๒๒] พระสารีบุตรเถระฟังคำของมารดาแล้วคิดจะช่วยเหลือ 
จึงปรึกษาพระมหาโมคคัลลานเถระ  พระอนุรุทธะ  และพระกัปปินะ
[๑๒๓] ได้สร้างกุฎี  ๔  หลัง  แล้วถวายกุฎี  ข้าว  และน้ำ
แด่พระสงฆ์ผู้มาจากทิศทั้ง  ๔  อุทิศส่วนบุญให้มารดา
[๑๒๔]  ในลำดับที่พระเถระอุทิศส่วนบุญให้นั่นเอง 
วิบากคือ  อาหาร  น้ำดื่ม  และเครื่องนุ่งห่ม 
ก็เกิดขึ้นแก่นางเปรตนั้น  นี้เป็นผลแห่งทักษิณา
[๑๒๕]  ลำดับนั้น  นางมีร่างกายหมดจด  นุ่งผ้าสะอาด 
สวมใส่ผ้าเนื้อดีกว่าผ้าแคว้นกาสี 
มีพัสตราภรณ์และเครื่องประดับวิจิตรงดงาม 
เข้าไปหาพระมหาโมคคัลลานเถระ
(พระมหาโมคคัลลานเถระถามนางเปรตนั้นว่า)
[๑๒๖]  แม่เทพธิดา  เธอมีผิวพรรณงามยิ่งนัก 
เปล่งรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศสถิตอยู่  ดุจดาวประกายพรึก
[๑๒๗] เพราะบุญอะไรเธอจึงมีผิวพรรณงามเช่นนี้ 
ผลอันพึงปรารถนาจึงสำเร็จแก่เธอในวิมานนี้ 
และโภคะทั้งมวลล้วนน่าพอใจจึงเกิดขึ้นแก่เธอ
[๑๒๘]  แม่เทพธิดาผู้มีอานุภาพมาก  อาตมาขอถามว่า 
สมัยเมื่อเธอเกิดเป็นมนุษย์ได้ทำบุญอะไรไว้ 
เพราะบุญอะไรเธอจึงมีอานุภาพรุ่งเรือง 
และมีรัศมีกายสว่างไสวไปทั่วทุกทิศอย่างนี้
(เทพธิดานั้นตอบว่า)
[๑๒๙] เมื่อก่อนในชาติอื่น ๆ  ดิฉันเป็นมารดาของพระสารีบุตรเถระ 
เข้าถึงเปตวิสัย๑  ถูกความหิวกระหายครอบงำ
[๑๓๐]  ดิฉันถูกความหิวกระหายครอบงำแล้ว 
ได้กินน้ำลาย  น้ำมูก  เสมหะที่เขาถ่มทิ้งแล้ว 
กินมันเหลวซากศพที่ถูกเผาอยู่ 
และกินโลหิตของหญิงทั้งหลายผู้คลอดลูก
[๑๓๑]  กินโลหิตของคนที่มีแผลและผู้ที่ถูกตัดจมูกและศีรษะ 
และกินหนัง  เนื้อ  เอ็นเป็นต้น  ที่อาศัยร่างกายชายหญิง
[๑๓๒] ดิฉันไม่มีที่พึ่ง  ไม่มีที่อยู่อาศัย  นอนบนเตียงอันแปดเปื้อน 
กินหนองและเลือดของปศุสัตว์และมนุษย์ทั้งหลาย
[๑๓๓] ดิฉันบันเทิงอยู่เพราะทานของพระสารีบุตร จึงไม่มีภัยแต่ที่ไหน ๆ 
พระคุณเจ้าผู้เจริญ  ดิฉันจะไหว้พระสารีบุตร
ผู้เป็นปราชญ์  มีความกรุณาในโลก    
 
สารีปุตตเถรมาตุเปติวัตถุที่  ๒  จบ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น