เรื่องนี้เป็นเรื่องของนางเปรตที่เคยเป็นมารดาของพระสารีบุตรเถระ พระอัครสาวกเบื้องขวาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้มีปัญญามากรองจากพระพุทธองค์ ได้พบกับนางเปรตและได้พูดคุยถามความเป็นมาของนางเปรต นางเปรตบอกว่าพระเถระว่า เธอเคยเป็นมารดาของพระเถระในชาติอื่นๆ แต่ได้ทำกรรมที่เป็นบาปไว้มากจึงต้องมาเกิดเป็นเปรต มีรูปร่างผอมโซ กินเลือดและหนองเป็นอาหาร
นางขอร้องให้พระเถระทำบุญแล้วอุทิศส่วนบุญให้นางบ้าง พระเถระจึงทำตามที่นางขอ โดยสร้างกุฏิ ๔ หลัง ถวายพระสงฆ์ที่มาจาก ๔ ทิศ และถวายข้าว ปลา อาหาร อย่างอื่นด้วย แล้วอุทิศส่วนบุญให้นาง พอสิ้นคำอุทิศของพระเถระ ผลบุญก็เกิดแก่นาง นางกลายเป็นเทพธิดา มีผิวพรรณผ่องใสงดงาม มีรัศมีแผ่ซ่านออกจากกาย มีเครื่องประดับตกแต่งมากมาย
จากเรื่องนี้แสดงให้เห็นว่า การทำบุญแล้วอุทิศส่วนบุญให้ญาติผู้ล่วงลับไปแล้ว มีผลต่อญาติของเรา โดยเฉพาะผู้ที่เกิดเป็นเปรต เพราะฉะนั้นชาวพุทธทั้งหลายควรทำบุญแล้วอุทิศส่วนบุญทุกครั้งที่ทำ ผลบุญจะได้ถึงแก่ญาติทั้งหลายของเรา
เรื่องนี้อยู่ในพระไตรปิฎกฉบับ มจร. เล่มที่ ๒๖ ข้อ ๑๑๖_๑๓๓ หน้าอาจจะไม่ตรงกัน ถ้าต้องการค้นหา พิมพ์ชื่อเล่ม และชื่อเรื่องก็คงจะพอ
๒. สารีปุตตเถรมาตุเปติวัตถุ
เรื่องนางเปรตอดีตมารดาพระสารีบุตรเถระ
(พระสารีบุตรเถระถามนางเปรตตนหนึ่งว่า)
[๑๑๖] แน่ะนางผู้มีร่างกายซูบผอม มีแต่ซี่โครงผุดขึ้น
เธอเปลือยกาย
มีผิวพรรณและรูปร่างน่าเกลียดน่ากลัว
ซูบผอม มีร่างกายสะพรั่งไปด้วยเส้นเอ็น
เธอเป็นใครกันเล่ามายืนอยู่
ณ ที่นี้
(นางเปรตตอบว่า)
[๑๑๗] เมื่อก่อนในชาติอื่น
ๆ
ดิฉันเกิดในตระกูลศากยะ
เป็นมารดาของท่าน
ดิฉันเข้าถึงเปตวิสัย
ถูกความหิวกระหายครอบงำ
[๑๑๘] ดิฉันถูกความหิวกระหายครอบงำแล้ว
จึงกินน้ำลาย
น้ำมูก เสมหะที่เขาถ่มทิ้งแล้ว
กินมันเหลวซากศพที่ถูกเผาอยู่
และกินโลหิตของหญิงทั้งหลายผู้คลอดลูก
[๑๑๙] กินโลหิตของคนที่มีแผลและผู้ที่ถูกตัดจมูกและศีรษะ
และกินหนัง เนื้อ เอ็นเป็นต้น
ที่อาศัยร่างกายชายหญิง
[๑๒๐] ดิฉันไม่มีที่พึ่ง ไม่มีที่อยู่อาศัย นอนบนเตียงอันแปดเปื้อน
กินหนองและเลือดของปศุสัตว์และมนุษย์ทั้งหลาย
[๑๒๑] ลูกน้อยเอ๋ย ขอลูกจงให้ทานเพื่อแม่
ครั้นให้แล้วจงอุทิศส่วนบุญนั้นให้แม่บ้าง
ถ้ากระไร
แม่จะพึงพ้นจากการกินหนองและเลือด
[๑๒๒] พระสารีบุตรเถระฟังคำของมารดาแล้วคิดจะช่วยเหลือ
จึงปรึกษาพระมหาโมคคัลลานเถระ
พระอนุรุทธะ และพระกัปปินะ
[๑๒๓] ได้สร้างกุฎี ๔
หลัง แล้วถวายกุฎี ข้าว
และน้ำ
แด่พระสงฆ์ผู้มาจากทิศทั้ง
๔ อุทิศส่วนบุญให้มารดา
[๑๒๔] ในลำดับที่พระเถระอุทิศส่วนบุญให้นั่นเอง
วิบากคือ อาหาร น้ำดื่ม
และเครื่องนุ่งห่ม
ก็เกิดขึ้นแก่นางเปรตนั้น
นี้เป็นผลแห่งทักษิณา
[๑๒๕] ลำดับนั้น นางมีร่างกายหมดจด นุ่งผ้าสะอาด
สวมใส่ผ้าเนื้อดีกว่าผ้าแคว้นกาสี
มีพัสตราภรณ์และเครื่องประดับวิจิตรงดงาม
เข้าไปหาพระมหาโมคคัลลานเถระ
(พระมหาโมคคัลลานเถระถามนางเปรตนั้นว่า)
[๑๒๖] แม่เทพธิดา เธอมีผิวพรรณงามยิ่งนัก
เปล่งรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศสถิตอยู่ ดุจดาวประกายพรึก
[๑๒๗] เพราะบุญอะไรเธอจึงมีผิวพรรณงามเช่นนี้
ผลอันพึงปรารถนาจึงสำเร็จแก่เธอในวิมานนี้
และโภคะทั้งมวลล้วนน่าพอใจจึงเกิดขึ้นแก่เธอ
[๑๒๘] แม่เทพธิดาผู้มีอานุภาพมาก อาตมาขอถามว่า
สมัยเมื่อเธอเกิดเป็นมนุษย์ได้ทำบุญอะไรไว้
เพราะบุญอะไรเธอจึงมีอานุภาพรุ่งเรือง
และมีรัศมีกายสว่างไสวไปทั่วทุกทิศอย่างนี้
(เทพธิดานั้นตอบว่า)
[๑๒๙] เมื่อก่อนในชาติอื่น
ๆ ดิฉันเป็นมารดาของพระสารีบุตรเถระ
เข้าถึงเปตวิสัย๑
ถูกความหิวกระหายครอบงำ
[๑๓๐] ดิฉันถูกความหิวกระหายครอบงำแล้ว
ได้กินน้ำลาย
น้ำมูก
เสมหะที่เขาถ่มทิ้งแล้ว
กินมันเหลวซากศพที่ถูกเผาอยู่
และกินโลหิตของหญิงทั้งหลายผู้คลอดลูก
[๑๓๑] กินโลหิตของคนที่มีแผลและผู้ที่ถูกตัดจมูกและศีรษะ
และกินหนัง เนื้อ เอ็นเป็นต้น
ที่อาศัยร่างกายชายหญิง
[๑๓๒] ดิฉันไม่มีที่พึ่ง ไม่มีที่อยู่อาศัย นอนบนเตียงอันแปดเปื้อน
กินหนองและเลือดของปศุสัตว์และมนุษย์ทั้งหลาย
[๑๓๓] ดิฉันบันเทิงอยู่เพราะทานของพระสารีบุตร
จึงไม่มีภัยแต่ที่ไหน ๆ
พระคุณเจ้าผู้เจริญ
ดิฉันจะไหว้พระสารีบุตร
ผู้เป็นปราชญ์
มีความกรุณาในโลก
สารีปุตตเถรมาตุเปติวัตถุที่
๒ จบ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น