วันพฤหัสบดีที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

สูกรมุขเปตวัตถุ


เรื่องของเปรตทั้ง ๒ นี้ มีผลมาจากการไม่สำรวมวาจา คือใช้ปากด่าว่าคนอื่นให้เสียหาย ด้วยคำไม่จริงในที่สุดตัวเองต้องมารับกรรมอย่างนี้ ดังนั้น สาธุชนทั้งหลายที่กลัวต่อผลกรรมนี้ ไม่ควรใช้ปากไปในทางที่ผิด เพื่อหวังผลสำเร็จเพียงเล็กน้อย หรือเพื่อทำลายคนอื่น 
 เรื่องเปรตทั้งสองนี้อยู่ในพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ ข้อที่ ๔ - ๙

. สูกรมุขเปตวัตถุ
เรื่องเปรตปากหมู

(ท่านพระนารทเถระถามเปรตตนหนึ่งว่า)

[]      ทั่วทั้งกายของท่านมีสีเหมือนทองคำ 
เปล่งรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ 
แต่ปากของท่านเหมือนปากสุกร 
เมื่อก่อนท่านได้ทำกรรมอะไรไว้
(เปรตนั้นตอบว่า
[]      ท่านพระนารทะ เมื่อก่อนข้าพเจ้าได้สำรวมกาย
แต่ไม่ได้สำรวมวาจา
เพราะเหตุนั้น  ข้าพเจ้าจึงมีรูปร่างและผิวพรรณ
ตามที่ท่านเห็นอยู่นั้น
[]      ท่านนารทะ  เพราะเหตุนั้น  ข้าพเจ้าขอบอกท่าน 
สรีระของข้าพเจ้านี้ท่านเห็นเองแล้ว 
ท่านอย่าได้ทำบาปด้วยปาก 
ท่านอย่าได้มีปากเหมือนสุกรเลย

สูกรเปตวัตถุที่  ๒  จบ

. ปูติมุขเปตวัตถุ
เรื่องเปรตปากเน่า

(ท่านพระนารทะถามเปรตตนหนึ่งว่า)

[]     ท่านมีผิวพรรณงามดังทิพย์  ยืนอยู่ในกลางอากาศ 
แต่ปากของท่านมีกลิ่นเหม็น 
หมู่หนอนพากันชอนไช  เมื่อก่อนท่านได้ทำกรรมอะไรไว้
(เปรตนั้นตอบว่า
[]      เมื่อก่อน  ข้าพเจ้าเป็นสมณะลามก  มีวาจาชั่วหยาบ 
มีปกติสำรวมกาย  แต่ไม่สำรวมปาก 
จึงได้มีผิวพรรณดังทองคำเพราะความสำรวมกาย 
แต่ปากของข้าพเจ้าเหม็นเน่าเพราะพูดส่อเสียด
[]      ท่านนารทะ  รูปร่างของข้าพเจ้าท่านเห็นเองแล้ว 
ท่านผู้ฉลาดซึ่งเป็นผู้อนุเคราะห์กล่าวไว้ว่า 
ท่านอย่าได้พูดส่อเสียด  และอย่าได้พูดมุสา 
ท่านจักเป็นเทพผู้สมบูรณ์ด้วยสมบัติที่น่าปรารถนา

ปูติมุขเปตวัตถุที่  ๓  จบ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น