วันอังคารที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ตุรกีวิปโยค !
ธรณีพิโรธ 7.2 ริกเตอร์ เจ็บ-ตายหลายร้อย


















 

แผ่นดินไหวตุรกี 7.2 ริกเตอร์

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า นายกรัฐมนตรี เรเซฟ ตายยิป เออร์โดแกน ผู้นำตุรกี ออกมาแถลงยอดผู้เสียชีวิตล่าสุด จากเหตุแผ่นดินไหวใหญ่ ขนาด 7.2 ริกเตอร์ เมื่อช่วงเย็นวานนี้ ตามเวลาประเทศไทยขณะนี้มี 138 ราย ได้รับบาดเจ็บเบื้องต้น 350คน

ด้านนายมุสตอฟา เออร์ดิค ผู้อำนวยการศูนย์เตือนภัยแผ่นดินไหวคันดิลลีของตุรกี เผยว่า แผ่นดินไหวที่เมืองวานในครั้งนี้ อาจมีผู้เสียชีวิตประมาณ 500-1,000 คน

ทั้งนี้เมื่อเวลาประมาณ 03.45 น. ที่ผ่านมาตามเวลาประเทศไทย เกิดอาฟเตอร์ช็อกรุนแรงถึง 6 ริกเตอร์ ครั้งนี้อยู่ใต้พื้นดินลึกแค่ 9.8 กม. ส่งผลให้ซากปรักหักพังได้พังถล่มลงมาซ้ำจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งแรก ทำให้ประชาชนที่ต่างยังอยู่ภาวะตื่นตกใจก็ต้องวิ่งหนีหาที่หลับภัยอย่างชุลมุน และเจ้าหน้าที่ก็ต้องหยุดการค้นหาไปชั่วคราว ขณะที่เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายของตุรกีได้กลับมาเร่งหาผู้รอดชีวิต และศพผู้เสียชีวิต

นักธรณีวิทยาตุรกีคาดว่า อาจมีผู้เสียชีวิตถึง1พันคนเนื่องจากจุดศูนย์กลางของแผ่นดินไหวอยู่ตื้นมาก ทำให้อาคาร บ้านเรือน พังถล่มลงมาเป็นจำนวนมาก ทำให้ประชาชนแทบไม่ทันตั้งตัวหรือหลบหนีออกมาได้ทันจากเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงถึง 7.2 ริกเตอร์ ในครั้งนี้.


จากอลิตเติ้ลบุ๊ดดะดอทคอม
ข่าว : โพสต์ทูเดย์
25 ตุลาคม 2554

 
 
สัญญาณอันตราย !
นกนางนวลตายเกลื่อนหาดออนทาริโอ
ลมหนาวกำลังมา เป็นสัญญาณว่าไข้หวัดนกจะรีเทิร์น


 



 

สื่อแคนาดาเผย พบนกตายเกลื่อนหาด คาดอาหารเป็นพิษ

สำนักข่าวของแคนาดารายงานว่า พบนกหลากชนิดจำนวนมากนอนตายโดยไม่ทราบสาเหตุ ตามแนวชายหายของรัฐออนแทริโอ โดยตำรวจท้องที่คาดว่า นกดังกล่าวตายเพราะอาหารเป็นพิษ...

สำนักข่าวโทรอนโตสตาร์ ของประเทศแคนาดา รายงานเมื่อวันที่ 24 ต.ค. ว่า พบนกเป็ดน้ำ
, นกนางนวล และนกลูน จำนวน 5,000-6,000 ตัว นอนตายอยู่ตามแนวชายหาดจอร์เจียน เบย์ ในรัฐออนแทริโอ ประเทศแคนาดา เป็นระยะทาง 7.7 กิโลเมตร โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อว่า นกเหล่านี้ตายเนื่องจากเป็นโรคโบทูลิซึม จากการกินปลาที่ตายแล้ว

ด้านนายไมเคิล กราเวลล์ โฆษกรัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติของแคนาดา เผยว่า ในขณะนี้ เจ้าหน้าที่ของหน่วยงาน ได้เก็บตัวอย่างซากนกเพื่อนำไปพิสูจน์หาสาเหตุการตายที่แท้จริงแล้ว

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจประกาศเตือนว่า ผู้ปกครองของเด็กที่อาศัยอยู่ในละแวกนี้ ไม่ควรให้เด็กหรือสัตว์เลี้ยง สัมผัสกับซากนกดังกล่าว เพื่อป้องกันอันตราย แม้ว่าจากสถิติจะไม่เคยมีมนุษย์ป่วยเป็นโรคโบจทูลิซึม ซึ่งเกิดจากการได้รับเชื้อแบคทีเรียที่ชื่อว่า โคลสทริเดียม โบทูลินัม ที่ก่อให้เกิดโรคอาหารเป็นพิษ ในพื้นที่ดังกล่าวมาก่อนก็ตาม.
 

 จาก อลิตเติ้ลบุ๊ดดะดอทคอม
ข่าว : ไทยรัฐ
25 ตุลาคม 2554

วันพฤหัสบดีที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2554

อิณสูตร ว่าด้วยความเป็นหนี้


เจริญสุข  เจริญธรรม  ญาติธรรม ทั้งหลาย  
วันนี้นำเอาพระสูตรที่พูดเกี่ยวกับการกู้หนี้ ๒ มิติ คือมิดิแรกเกี่ยวกับการประกอบอาชีพ มิติที่สอง เกี่ยวกับศีลธรรม พระสูตรนี้สรุปใจความได้ว่า คนจนจำเป็นต้องกู้หนี้เพื่อนำมาประกอบกิจการ  แต่การกู้หนี้นั้นต้องเสียดอกเบี้ยให้เจ้าหนี้ เมื่อเสียดอกเบี้ยไม่ตรงเวลา เขาก็ตามทวง ถ้าหาเงินให้เขาไม่ทันก็ย่อมจะเป็นทุกข์เพราะต้องหลบๆ ซ่อนๆ เพื่อหนีการทวงหนี้ ในทางศีลธรรมพระองค์ตรัสว่า ผู้ที่ไม่มีศรัทธา ไม่มีหิริโอตตัปปะ ไม่มีความเพียร มีปัญญาน้อย จะชอบประพฤติทุจริตทางกาย วาจา ใจ เป็นต้นว่า ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดประเวณี พูดเท็จ ดื่มของมึนเมา  การทำอย่างนี้ของเขา เปรียบเหมือนกับคนจนกู้หนี้ ถ้าทำบ่อยๆ ก็เหมือนกับการกู้หนี้บ่อยๆ เมื่อกู้หนี้บ่อยก็ต้องเสียดอกเบี้ยบ่อย ถ้าไม่จ่ายดอกเบี้ยเขาก็ตามทวง เป็นเหตุให้อยู่เป็นทุกข์เพราะถูกทวงหนี้ 
พระองค์ตรัสเปรียบเทียบต่อไปว่า การประพฤติทุจริตแล้วปกปิดไว้เพราะกลัวคนอื่นรู้จัก เหมือนกับการเสียดอกเบี้ย การที่คนอื่นรู้แล้วนำมาพูดต่อไป เหมือนกับการถูกทวงหนึ้  การที่บุคคลนั้นคิดหรือนึกขึ้นมาทีไรก็เกิดความสลดใจหรือหดหู่ใจกับการกระทำของตนในอดีตที่ผ่านมา  เปรียบเหมือนกับการถูกตามทวงหนี้
ก็ลองนึกดูภาพเอาก็แล้วกันว่า คนมีหนี้จะเป็นทุกข์แค่ไหน สมกับพระพุทธพจน์ว่า อิณาทานํ ทุกฺขํ โลเก  การกู้หนี้เป็นทุกข์ในโลก
 ในพระสูตรนี้พระพุทธองค์ได้ตรัสว่า คติ ของคนประพฤติทุจริตบ่อยๆ มีอยู่  ๒ อย่าง คือ กำเนิดสัตวเดรัจฉาน และนรก พระองค์ตรัสว่ากำเนิดทั้ง ๒ นี้ เปรียบเหมือนกับเรือนจำ และเป็นเรือนจำที่ร้ายกาจกว่าเรือนจำอื่นๆ บนโลกมนุษย์ ฟังแล้วก็น่ากลัวมาก เพื่อหลีกเลี่ยงจากภัยดังกล่าวก็ขอให้เว้น จากการทุจริตให้ไกลๆ ไว้นะครับ 
พระสูตรนี้อยู่ในพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๒ อังคุตตรนิกาย   อ่านเนื้อความจากพระสูตรได้ แต่ที่นำมานี้ยังไม่หมดครับ เอามาเฉพาะที่เห็นว่าสำคัญเท่านั้น
. อิณสูตร
ว่าด้วยความเป็นหนี้
[๔๕] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ภิกษุทั้งหลาย ความยากจนเป็นทุกข์ของกามโภคีบุคคล๑ในโลก
ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า อย่างนั้น พระพุทธเจ้าข้า
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ภิกษุทั้งหลาย คนจนเข็ญใจยากไร้ ย่อมกู้หนี้ แม้การกู้หนี้ก็เป็นทุกข์ของกามโภคีบุคคลในโลก
อย่างนั้น พระพุทธเจ้าข้า
ภิกษุทั้งหลาย คนจนเข็ญใจยากไร้ ครั้นกู้หนี้แล้ว ย่อมใช้ดอกเบี้ย แม้การใช้ดอกเบี้ยก็เป็นทุกข์ของกามโภคีบุคคลในโลก
อย่างนั้น พระพุทธเจ้าข้า
ภิกษุทั้งหลาย คนจนเข็ญใจยากไร้ ครั้นใช้ดอกเบี้ยแล้ว ไม่ให้ดอกเบี้ยตามกำหนดเวลา พวกเจ้าหนี้ย่อมตามทวงเขา แม้การตามทวงก็เป็นทุกข์ของกามโภคี-บุคคลในโลก
อย่างนั้น พระพุทธเจ้าข้า
ภิกษุทั้งหลาย คนจนเข็ญใจยากไร้ เมื่อถูกเจ้าหนี้ทวง ยังไม่ให้ พวกเจ้าหนี้ย่อมติดตาม แม้การถูกติดตามก็เป็นทุกข์ของกามโภคีบุคคลในโลก
อย่างนั้น พระพุทธเจ้าข้า
ภิกษุทั้งหลาย คนจนเข็ญใจยากไร้ ถูกเจ้าหนี้ติดตามทัน ยังไม่ทันให้ พวกเจ้าหนี้ย่อมจองจำเขา แม้การถูกจองจำก็เป็นทุกข์ของกามโภคีบุคคลในโลก
อย่างนั้น พระพุทธเจ้าข้า
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ภิกษุทั้งหลาย แม้ความยากจนก็เป็นทุกข์ของ กามโภคีบุคคลในโลก แม้การกู้หนี้ก็เป็นทุกข์ของกามโภคีบุคคลในโลก แม้การใช้ดอกเบี้ยก็เป็นทุกข์ของกามโภคีบุคคลในโลก แม้การถูกทวงก็เป็นทุกข์ของกามโภคี- บุคคลในโลก แม้การถูกติตตามก็เป็นทุกข์ของกามโภคีบุคคลในโลก แม้การถูกจองจำก็เป็นทุกข์ของกามโภคีบุคคลในโลก ด้วยประการฉะนี้ ฉันใด
ภิกษุทั้งหลาย บุคคลบางคน ก็ฉันนั้นเหมือนกันแล ไม่มีศรัทธาในกุศลธรรม ไม่มีหิริในกุศลธรรม ไม่มีโอตตัปปะในกุศลธรรม ไม่มีวิริยะในกุศลธรรม ไม่มีปัญญาในกุศลธรรม บุคคลนี้เราก็เรียกว่า เป็นคนจนเข็ญใจยากไร้ในอริยวินัย
ภิกษุทั้งหลาย บุคคลนั้นนั่นแลผู้เป็นคนจนเข็ญใจยากไร้ เมื่อไม่มีศรัทธาในกุศลธรรม เมื่อไม่มีหิริในกุศลธรรม เมื่อไม่มีโอตตัปปะในกุศลธรรม เมื่อไม่มีวิริยะ ในกุศลธรรม เมื่อไม่มีปัญญาในกุศลธรรม ย่อมประพฤติกายทุจริต ประพฤติ วจีทุจริต ประพฤติมโนทุจริต
เรากล่าวว่าการประพฤติทุจริตเช่นนี้ของเขา เป็นการกู้หนี้
เพราะการปกปิดกายทุจริตเป็นเหตุ เขาจึงตั้งความปรารถนาอันชั่วว่า ขอชนเหล่าอื่นอย่ารู้เราเลยดำริว่า ขอชนเหล่าอื่นอย่ารู้เราเลยพูดว่า ขอชนเหล่าอื่นอย่ารู้เราเลย พยายามด้วยกายว่า ขอชนเหล่าอื่นอย่ารู้เราเลย
เพราะการปกปิดวจีทุจริตเป็นเหตุ เขาจึงตั้งความปรารถนาอันชั่ว ฯลฯ
เพราะการปกปิดมโนทุจริตเป็นเหตุ เขาจึงตั้งความปรารถนาชั่วว่า ขอชนเหล่าอื่นอย่ารู้เราเลยดำริว่า ขอชนเหล่าอื่นอย่ารู้เราเลยพูดว่า ขอชนเหล่าอื่นอย่ารู้เราเลยพยายามด้วยกายว่า ขอชนเหล่าอื่นอย่ารู้เราเลย
เรากล่าวว่าการปกปิดทุจริตเป็นเหตุนั้น เป็นการใช้ดอกเบี้ย
เพื่อนพรหมจารีผู้มีศีลเป็นที่รักได้กล่าวกับบุคคลนั้นอย่างนี้ว่า ผู้มีอายุนี้เป็นผู้ทำอย่างนี้ เป็นผู้ประพฤติอย่างนี้
เรากล่าวว่าการถูกว่ากล่าวเช่นนี้ของเขา เป็นการทวงหนี้
บาปอกุศลวิตกที่ประกอบด้วยวิปปฏิสาร(ความร้อนใจ) ย่อมครอบงำบุคคลนั้นผู้ไปสู่ป่า ไปสู่โคนไม้ หรือไปสู่เรือนว่าง
เรากล่าวว่าการถูกบาปอกุศลวิตกครอบงำเช่นนี้ของเขา เป็นการถูกติดตาม
ภิกษุทั้งหลาย บุคคลนั้นนั่นแล เป็นคนจนเข็ญใจยากไร้ ครั้นประพฤติ กายทุจริต ประพฤติวจีทุจริต และประพฤติมโนทุจริต หลังจากตายแล้วย่อมถูก จองจำในเรือนจำคือนรก หรือในเรือนจำคือกำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน
ภิกษุทั้งหลาย เราไม่เห็นเรือนจำอื่นแม้อย่างหนึ่ง ที่ร้ายกาจอย่างนี้ เป็นทุกข์ อย่างนี้ และทำอันตรายแก่การบรรลุนิพพานซึ่งเป็นแดนเกษมจากโยคะอันยอดเยี่ยม อย่างนี้ เหมือนเรือนจำคือนรก หรือเรือนจำคือกำเนิดสัตว์ดิรัจฉานนี้เลย

วันพุธที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2554

กำหนดการทอดกฐินวัดดอนทองวราราม 

ตรงกับวันเสาร์ที่ ๕ พฤศจิกายน  พุทธศักราช ๒๕๕๔



เจ้าภาพหลักนำโดย

คณะที่ ๑ ประกอบด้วย

คุณตาบุญเกิด  สง่าชาติ 
 คุณยายราตรี  สง่าชาติ
คุณศุภกร  ถิรโรจน์กุล
คุณทักษภร สง่าชาติ
พร้อมด้วยลูกหลาน
บริษัท พี.แอล. P.L. ขนส่ง นำโดยคุณพร
และครอบครัวคุณเทเวอร์  ทอมสัน คุณจงจิตร  
อเนกา

คณะที่ ๒ ประกอบด้วย
คุณแม่บุญฮง  ยุบลไสย 
พร้อมด้วยลูก หลานและญาติพี่น้อง 
ทำบุญกฐินอุทิศส่วนกุศลให้แก่
คุณพ่อนิยม  ยุบลไสย 

จุดประสงค์ของการทอดกฐินปี นี้เพื่อสร้างลานธรรม ในส่วนของคุณยายราตรี และลูกหลาน จะทำโครงหลังคาอาสน์สงฆ์ และฐานรองรับพระประธานประจำลานธรรม งบประมาณเบื้องต้นตั้งไว้ ประมาณ ๑๕๐,๐๐๐.๐๐ บาท (หนึ่งแสนห้าหมื่นบาท)

ในส่วนของคุณแม่บุญฮง  ยุบลไสย และลูกหลาน จะสร้างซุ้มประตูทางเข้าหน้าหลวงพ่อพระพุทธเมตตา ด้านหน้าวัด 

ส่วนศรัทธาญาติโยมชาวบ้าน จะเป็นเจ้าภาพตัวหนอนปูลานธรรม  ตารางเมตรละ ๒๕๐ บาท

วันศุกร์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2554

บรรยากาศน้ำท่วม มจร. วังน้อย

อยาก ให้ดูบรรยากาศใน มจร. วังน้อย ที่อลิตเติ้ลบุ๊ดดะดอทคอม รายงาน ไม่มีคำบรรยาย บรรยายเองก็แล้วกัน ที่เพลงลูกทุ่งสมัยโบราณบอกว่า น้ำท่วมดีกว่าฝนแล้งนั้น  คงต้องกลับมาทบทวนใหม่แล้ว เพราะถ้าเป็นอย่างนี้ ให้ฝนแล้งนิดๆ คงจะดีกว่า เพราะยังไงเสีย นิคมอุตสาหกรรมหลักๆ ของประเทศก็ยังดำเนินไปได้  แต่นี่ต้องบอกว่า แกบปานดังแหมบส่วยหน้า (ราบเรียบเหมือนกับคนจมูกแฟบล้างหน้า)

อ่วมไม่แพ้โยม !
น้ำท่วม มจร . วังน้อย พระเณรติดเกาะนับร้อย

 
ภาพน้ำท่วม มจร . วังน้อย




























 
ตั้งแต่ค่ำวันที่ 11 ตุลาคม 2554 หลังสมเด็จพระเทพฯ เสด็จกลับไม่นาน น้ำบ่าเข้ามหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย พระธรรมโกศาจารย์ อธิการบดีมหาจุฬาฯ ได้มอบหมายพระครูปลัดสุวัฒนวชิรคุณ (ไสว โชติโก) รองอธิการบดีฝ่ายกิจการต่างประเทศ พระครูปลัดสุวัฒนจริยคุณ (ประสาน จนฺทสาโร)  พร้อมด้วยทีมงานร่วมกับกองบัญชาการกองทัพไทย พยายามกั้นไม่ให้น้ำเข้าพื้นที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย แต่ไม่สำเร็จ ทั้งนี้เนื่องปริมาณน้ำมหาศาล ท่วมรอบมหาวิทยาลัย
ปัจจุบันมีพระภิกษุสงฆ์จำพรรษาประจำ ณ มจร วังน้อย จำนวน 129 รูป และระหว่างวันที่ 1 - 21 ตุลาคม 2554 ที่มหาวิทยาลัยร่วมกับโรงเรียนจิตลดา จัดโครงการบรรพชาสามเณรถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ และเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2554 ได้เปิดเป็นศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมอีกด้วย

การสัญจรภายในต้องใช้รถสูงเท่านั้น ถึงจะเข้าภายในได้ โดยมีเจ้าหน้าที่ทหารนำรถมาอำนวยความสะดวกเป็นระยะ บางอาคารเริ่มตัดไฟฟ้า เนื่องจากปริมาณน้ำสูงกว่าหม้อแปลง เกรงว่าจะเกิดอันตราย อาคารหอฉัน ซึ่งเป็นที่ตั้งของศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยยังสามารถใช้การได้ สิ่งที่ต้องการเพิ่มคือน้ำดื่ม เรือ รถยนต์ ขนเครื่องครัว อาหาร และสิ่งของ จากถนนด้านหน้ามหาวิทยาลัยไป
 
ระบบโทรศัพท์พื้นฐาน ไม่สามารถใช้การได้ ติดต่อได้เฉพาะเมือถือเท่านั้น

วันปวารณาออกพรรษาของพระภิกษุสงฆ์ พระสงฆ์ต้องมาปวารณาออกพรรษา ณ อาคารหอฉันแทน เนื่องจากไม่สามารถไปลงอุโบสถได้ 



ข่าว : มจร.
14 ตุลาคม 2554

วันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2554

รายงานประวัติศาสตร์ของน้ำท่วมในกรุงเทพมหานคร

ย้อนอดีตน้ำท่วมกรุง 2328-2554 ปัญหาซ้ำซากไร้ทางออก

ย้อนอดีตน้ำท่วมกรุง 2328-2554 ปัญหาซ้ำซากไร้ทางออก

จากสถานการณ์น้ำที่ท่วมทะลักเข้ามาในกรุงเทพมหานครจนหลายหน่วยงาน ต้านทานไม่ไหว ทำให้หลายคนมานั่งคิดว่า ปัญหาซ้ำซากเช่นนี้ เมื่อไรจะมีทางออกซักที
สำหรับคนกรุงเทพมหานคร ที่กำลังเกิดกระแสข่าวลือว่า "กรุงเทพฯจมแน่" ประกอบกับน้ำที่ทะลักเข้าตีโอบรอบกรุง ทั้ง จ.นนทบุรี นครปฐม ปทุมธานี ข้อมูลจาก หนังสือเหตุการณ์น้ำท่วม พ.ศ.2485 ของกระทรวงมหาดไทย และจากข้อมูลสถิติน้ำท่วมสำนักระบายน้ำกรุงเทพมหานคร พบว่า สาเหตุที่กรุงเทพฯ ต้องเจอปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก เพราะสภาพภูมิศาสตร์เป็นพื้นที่ราบลุ่มตอนปลายอ่าวไทย
เพราะด้วยเหตุนี้กรุงเทพฯ ในอดีตจึงมากไปด้วยคูคลอง จนได้รับการเรียกขานกันว่าเป็น "เวนิชตะวันออก"และเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งสำคัญในกรุงเทพฯ ตั้งแต่กรุงรัตนโกสินทร์จนถึงปัจจุบัน เกิดขึ้นหลายครั้ง ดังนี้

1. ปีมะเส็ง ปี 2328 ในรัชกาลที่ 1 ปีที่สร้างกำแพงพระนครและพระราชวังกรุงรัตนโกสินทร์เสร็จ ได้เกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ ระดับน้ำที่สนามหลวงลึกถึง 8 ศอก 10 นิ้ว

2. เดือนตุลาคม ปี 2362 ในรัชกาลที่ 2 ข้าวยากหมากแพงเหมือนครั้งแรก

3. เดือนพฤศจิกายน ปี 2374 ในรัชกาลที่ 3 ท่วมทั่วพระราชอาณาจักร และมากกว่าปีมะเส็ง

4. ปี 2460 ในรัชกาลที่ 6 น้ำท่วมลานพระบรมรูปทรงม้า จนมีกิจกรรมการแข่งเรือ

5. ปี 2485 เริ่มท่วมตั้งแต่ปลายเดือนกันยายนถึง 30 พฤศจิกายน 2485 น้ำท่วมมากกว่าปี 2460 เกือบเท่าตัว เนื่องจากฝนตกหนักในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาสูงมาก ไหลล้นคันกั้นน้ำทั้งสองฝั่ง วัดระดับน้ำท่วมที่สะพานสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ ได้ 2.27 เมตร เหนือระดับน้ำทะเลปานกลาง

6. ปี 2518 พายุดีเปรสชั่นพาดผ่านตอนบนลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้มีปริมาณน้ำสูงทางภาคกลางตอนบน จนน้ำไหลล้นเข้าท่วมกรุงเทพฯ

7. ปี 2521 เกิดจากพายุ 2 ลูกคือ "เบส" และ "คิท" พาดผ่าน และมีน้ำไหลบ่าจากแม่น้ำป่าสัก ทำให้เกิดน้ำไหลบ่าจากทุ่งด้านตะวันออกเข้าท่วมพื้นที่กรุงเทพฯ

8. ปี 2526 น้ำท่วมรุนแรงมาก เนื่องจากมีพายุพัดผ่านภาคเหนือและภาคกลางช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคม ประกอบกับมีพายุหลายลูกพัดผ่านกรุงเทพฯ ช่วงเดือนตุลาคม วัดปริมาณฝนทั้งปี 2119 มม. มีปัญหาจราจรที่รถกับเรือใช้เส้นทางเดียวกัน

9. ปี 2533 ในเดือนตุลาคมพายุโซนร้อน "อีรา" และ "โลล่า" พัดผ่านภาคอีสาน ทำให้ฝนตกหนักในกรุงเทพฯถึง 617 มม.

10. ปี 2537 เกิดพายุฝนฤดูร้อนถล่มกรุงเทพฯและปริมณฑลเมื่อ 7-8 พฤษภาคม 2537 วัดปริมาณฝนมากที่สุดที่เขตยานนาวา 457.6 มม. เฉลี่ยทั่วเขตกรุงเทพฯ มีปริมาณน้ำฝน 200 มม. มากที่สุดในประวัติการณ์ เรียกกันว่า "ฝนพันปี" เกิดน้ำท่วมฉับพลันในหลายพื้นที่สร้างความเดือดร้อนทั่วกรุงเทพฯ

11. ปี 2538 ฝนตกในภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคอีสาน เนื่องจากพายุหลายลูกพัดผ่าน ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม และมีฝนตกหนักช่วงเดือนสิงหาคมถึงตุลาคม เนื่องจากพายุ "โอลิส" ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาสูง วัดที่สะพานสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ สูงถึง 2.27 เมตร (รทก.) สูงสุดเป็นประวัติการณ์ (เท่าน้ำท่วมปี 2485) ทำให้น้ำล้นคันป้องกันริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เข้าท่วมพื้นที่ริมแม่น้ำสูงถึง 50-100 ซม. น้ำเหนือหลากท่วมอยุธยา ปทุมธานี หมู่บ้านไวท์เฮ้าส์ ตอนเหนือของกรุงเทพฯ นาน 2 เดือน

12. ปี 2539 มีระยะเวลาท่วมขังตั้งแต่เดือน พฤศจิกายน-ธันวาคม 2539 ตั้งแต่หลังปี 2539 เป็นต้นมา ยังไม่เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมรุนแรงในเขตกรุงเทพฯ มีเพียงน้ำท่วมขังไม่นานก็ระบายออกได้สู่ภาวะปกติ

Source:News Center/matichon/ softbizplus.com (image)
by jatuporn
12 ตุลาคม 2554 เวลา 18:14 น.  

มาทำความรู้จักกับนักธุรกิจหลายหมื่นล้าน

วันอังคารที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2554

สุมนสูตร ว่าด้วยพระนางสุมนาราชเทวี (ผลของการให้ทานและไม่ให้ทาน)

 วันนี้ขอนำเสนอ ๒ สูตร เพราะเห็นว่า ว่างเว้นมาหลายวันแล้ว  พระสูตรนี้ก็น่าสนใจ พูดถึงอานิสงส์ของการให้ทาน ใจความของพระสูตรว่า คน ๒ คน เป็นเพื่อนกัน คนหนึ่งให้ทาน คนหนึ่งไม่ให้ทาน คนทั้งสองนี้ถ้าตายจากโลกนี้ไปเกิดเป็นเทวดา หรือมาเกิดเป็นมนุษย์อีก จะมีอานุภาพต่างกันอยู่ ๕ อย่าง คือ อายุ วรรณะ สุข ยศ และอธิปไตย หรืออำนาจ ความเป็นไหญ่ เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะพระนางสุมนาราชกุมารี พระราชธิดาของพระเจ้าโกศล ได้ยินเสียงเด็กทารก ๒ คน คุยกัน เกิดความสงสัยจึงเข้าไปกราบทูลถามพระพุทธเจ้า เรื่องกล่าวไว้ในอรรถกถาว่า เด็กทารกแรกเกิด ๒ คน เคยเป็นเพื่อนกันมาก่อน เคยบวชเป็นพระภิกษุด้วยกัน รูปหนึ่งชอบให้ทาน  อีกรูปหนึ่งไม่ชอบให้ทาน ถึงแม้เพื่อนจะบอกอยู่บ่อยๆ ก็ไม่เชื่อ พระภิกษุ ๒ รูปนี้ มรณภาพแล้วไปเกิดเป็นเทพบุตร หมดอายุจากสวรรค์จึงมาเกิดเป็นมนุษย์อีก เทพที่เคยให้ทานได้เกิดในครรภ์ของพระมเหสีของพระเจ้าโกศล  เทพที่ไม่ให้ทานเกิดในครรภ์ของนางทาสีในวัง ทั้งสองเกิดวันเดียวกัน พระเจ้าโกศลจึงให้นำมานอนเคียงข้างกันเพื่อจะให้เป็นเพื่อนกัน ฝ่ายเทพที่เกิดเป็นโอรสของพระเจ้าโกศล นอนอยู่บนที่นอนอย่างดี มีฉัตรกั้นอยู่ข้างบน ส่วนเทพที่เกิดเป็นลูกนางทาสี นอนอยู่บนเตียงไม้มีผ้าหยาบๆ ปูลาด ทารกที่เป็นโอรส มองเห็นที่นอนของตนจึงคิดว่า เพื่อนเราอยู่ที่ไหนหนอ มองไปมองมาเห็นเพื่อนนอนอยู่ข้างๆ เห็นแล้วก็อดสงสารและสมเภชไม่ได้ เมื่อจะข่มเพื่อนของตนจึงพูดขึ้นว่า เห็นไหมเพื่อน เราบอกแล้วไม่เชื่อว่า ให้ให้ทาน ดูท่านกับเราซิ ต่างกันไหม ที่นอนของเราอ่อนนุ่มมีฉัตรกั้นด้วย ที่นอนของเพื่อน เป็นไม้แคร่มีผ้าหยาบๆ ปูรองไว้ เพื่อนคนนี้แทนที่จะสลดสังเวชใจกลับตอบว่า เพื่อนก็พูดมากไปได้ มันก็แค่ปฐวีธาตุเท่านั้นแหละ 
พอทารกพูดคำว่า ธาตุเท่านั้น พระนางสุมนา ก็รู้ได้ทันทีว่า เด็ก ๒ คนนี้ ต้องเคยเป็นพระมาก่อนแน่ๆ เพราะคนชาวบ้านทั่วไปไม่ค่อยรู้เรื่องธาตุ  พระนางไม่บอกเรื่องนี้ให้ใครทราบเกรงว่า คนจะหาว่า เด็ก ๒ คนนี้เป็นอมนุษย์มาเกิดเลยนำความไปทูลถามพระพุทธเจ้า ดังเนื้อความที่ปรากฏในพระสูตรนี้ 
พระสูตรนี้อยู่ในเล่มที่ ๒๒ ข้อ ๓๑ อังคุตตรนิกาย ปัญจกนิบาต
. สุมนสูตร

ว่าด้วยสุมนาราชกุมารี
 [๓๑] สมัยหนึ่ง ฯลฯ อารามของอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตกรุงสาวัตถี ครั้งนั้น สุมนาราชกุมารีมีรถ ๕๐๐ คัน และกุมารี ๕๐๐ คนแวดล้อม เข้าไปเฝ้า พระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายอภิวาทแล้วนั่ง ณ ที่สมควร๒ ได้กราบทูล พระผู้มีพระภาค ดังนี้ว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอประทานวโรกาส สาวกของพระผู้มีพระภาค ๒ คน มีศรัทธาเสมอกัน มีศีลเสมอกัน มีปัญญาเสมอกัน คนหนึ่งเป็นทายก๓ คนหนึ่งไม่ใช่ทายก คนทั้งสองนั้น หลังจากตายแล้ว ไปเกิดในสุคติโลกสวรรค์ ท่านทั้งสองผู้เป็นเทวดานั้น พึงมีความพิเศษ มีเหตุแตกต่างกันหรือไม่
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า มี สุมนา คือเทวดาผู้เคยเป็นทายก ย่อมข่มเทวดา ผู้ไม่เคยเป็นทายกด้วยฐานะ ๕ ประการ คือ
. อายุที่เป็นทิพย์ ๒. วรรณะที่เป็นทิพย์
. สุขที่เป็นทิพย์๔. ยศที่เป็นทิพย์
. อธิปไตยที่เป็นทิพย์
เทวดาผู้เคยเป็นทายก ย่อมข่มเทวดาผู้ไม่เคยเป็นทายกด้วยฐานะ ๕ ประการนี้
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ถ้าเทวดาทั้งสองนั้น จุติจากเทวโลกนั้นแล้วมาสู่ความเป็นมนุษย์นี้ ท่านทั้งสองผู้เป็นมนุษย์นั้น พึงมีความพิเศษ มีเหตุแตกต่างกันหรือไม่
มี สุมนา คือมนุษย์ผู้เคยเป็นทายก ย่อมข่มมนุษย์ผู้ไม่เคยเป็นทายกด้วย ฐานะ ๕ ประการ คือ
. อายุที่เป็นของมนุษย์ ๒. วรรณะที่เป็นของมนุษย์
. สุขที่เป็นของมนุษย์ ๔. ยศที่เป็นของมนุษย์
. อธิปไตยที่เป็นของมนุษย์
มนุษย์ผู้เคยเป็นทายก ย่อมข่มมนุษย์ผู้ไม่เคยเป็นทายกด้วยฐานะ ๕ ประการนี้
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ถ้าคนทั้งสองนั้นออกบวชเป็นบรรพชิต ท่านทั้งสองผู้เป็นบรรพชิตนั้น พึงมีความพิเศษ มีเหตุแตกต่างกันหรือไม่
มี สุมนา บรรพชิตผู้เคยเป็นทายก ย่อมข่มบรรพชิตผู้ไม่เคยเป็นทายกด้วยฐานะ ๕ ประการ คือ
. เมื่อเขาขอร้องจึงใช้สอยจีวรมาก เมื่อเขาไม่ขอร้องจึงใช้สอยน้อย
. เมื่อเขาขอร้องจึงฉันบิณฑบาตมาก เมื่อเขาไม่ขอร้องจึงฉันน้อย
. เมื่อเขาขอร้องจึงใช้สอยเสนาสนะมาก เมื่อเขาไม่ขอร้องจึงใช้สอยน้อย
. เมื่อเขาขอร้องจึงใช้สอยคิลานปัจจัยเภสัชชบริขารมาก เมื่อเขาไม่ขอร้องจึงใช้สอยน้อย
. อยู่ร่วมกับเพื่อนพรหมจารีเหล่าใด เพื่อนพรหมจารีเหล่านั้นก็ประพฤติต่อเธอด้วยกายกรรม วจีกรรม และมโนกรรมเป็นที่พอใจ เป็นส่วนมาก ที่ไม่พอใจเป็นส่วนน้อย นำสิ่งเป็นที่พอใจมาเป็นส่วนมาก ที่ไม่พอใจเป็นส่วนน้อย
บรรพชิตผู้เคยเป็นทายก ย่อมข่มบรรพชิตผู้ไม่เคยเป็นทายกด้วยฐานะ ๕ ประการนี้
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ถ้าคนทั้งสองนั้นบรรลุอรหัตตผล ท่านทั้งสองผู้บรรลุอรหัตตผล พึงมีความพิเศษ มีเหตุแตกต่างกันหรือไม่
สุมนา เราไม่กล่าวว่าแตกต่างกันเลยในระหว่างวิมุตติกับวิมุตติ
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ น่าอัศจรรย์จริง ไม่เคยปรากฏ ข้อนี้กำหนดได้ว่า ควรให้ทาน ควรทำบุญ เพราะบุญเป็นอุปการะแม้แก่เทวดา แม้แก่มนุษย์ แม้แก่ บรรพชิต
อย่างนั้น สุมนา ควรให้ทาน ควรทำบุญ เพราะบุญเป็นอุปการะแม้แก่เทวดา แม้แก่มนุษย์ แม้แก่บรรพชิต
พระผู้มีพระภาคผู้สุคตศาสดา ครั้นตรัสเวยยากรณ์ภาษิตนี้แล้ว จึงได้ตรัสคาถาประพันธ์ต่อไปอีกว่า
ดวงจันทร์ปราศจากมลทิน โคจรไปในอากาสธาตุ
ย่อมสว่างกว่าหมู่ดาวทั้งสิ้นในโลกด้วยรัศมี ฉันใด
บุคคลผู้สมบูรณ์ด้วยศีล มีศรัทธา ก็ฉันนั้นเหมือนกัน
ย่อมรุ่งเรืองกว่าผู้ตระหนี่ทั้งหมดในโลกด้วยจาคะ
เมฆที่ลอยไปตามอากาศ มีสายฟ้าแลบแปลบปลาบ
มียอดตั้งร้อย ให้ฝนตกรดแผ่นดินเต็มที่ดอนและที่ลุ่ม ฉันใด
สาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้สมบูรณ์ด้วยทัสสนะ
เป็นบัณฑิต ก็ฉันนั้นเหมือนกัน
ย่อมข่มผู้ตระหนี่ได้ด้วยเหตุ ๕ ประการ
คือ อายุ วรรณะ สุข ยศ และโภคทรัพย์
เขาตายไปแล้วย่อมบันเทิงในสวรรค์
สุมนสูตรที่ ๑ จบ

กุลสูตร ว่าด้วยตระกูลที่มั่งคั่งจะตั้งอยู่ไม่นานเพราะเหตุ ๔ อย่าง

เจริญสุข เจริญธรรม  ญาติธรรมทั้งหลาย  วันนี้ขณะนั่งรายงานอยู่นี้ น้ำก็กำลังไหลบ่าเข้า มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วังน้อย รถแม็กโครก็กำลังขุดคูกั้น้ำรอบๆ มหาวิทยาลัย 
หลังจากที่เป็นศูนย์ที่พักของประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของไทย 
ซึ่งตอนบ่ายแก่ๆ ของวันนี้ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๕๔ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา  สยามบรมราชกุมารี เสด็จมาเยี่ยมผู้อพยพด้วย ในนามขององค์ประธานมูลนิธิชัยพัฒนา 
วันนี้นำเอากุลสูตร ว่าด้วยตระกูลที่มั่งคั่ง จะตั้งอยู่ไม่ได้นานเพราะเหตุ ๔ อย่าง และตระกูลที่มั่งคั่งจะตั้งอยู่ได้นานด้วยเหตุ ๔ อย่างเหมือนกัน ส่วนจะเป็นเหตุอะไรบ้าง เชิญอ่านเนื้อความได้ตามอัธยาศัย  เนื้อหาในพระสูตรนี้เป็นคติเตือนใจได้ดีมาก 
พระสูตรนี้อยู่ในพระไตรปิฎก ฉบับของ มจร. เล่มที่ ๒๑ อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต 

. กุลสูตร

ว่าด้วยตระกูล
[๒๕๘] ภิกษุทั้งหลาย ตระกูลใดตระกูลหนึ่งถึงความเป็นใหญ่ในโภคทรัพย์แล้ว ย่อมดำรงอยู่ได้ไม่นานเพราะเหตุ ๔ ประการ หรือเหตุใดเหตุหนึ่งบรรดาเหตุ ๔ ประการนั้น
เหตุ ๔ ประการ อะไรบ้าง คือ
. ไม่แสวงหาพัสดุที่หายไป
. ไม่ซ่อมแซมพัสดุที่เก่าคร่ำคร่า
. ไม่รู้จักประมาณในการบริโภค
. ตั้งสตรีหรือบุรุษทุศีลให้เป็นใหญ่ในเรือน
ภิกษุทั้งหลาย ตระกูลใดตระกูลหนึ่งถึงความเป็นใหญ่ในโภคทรัพย์แล้วย่อม
ดำรงอยู่ได้ไม่นานเพราะเหตุ ๔ ประการนี้ หรือเหตุใดเหตุหนึ่งบรรดาเหตุ ๔ ประการนั้น
ภิกษุทั้งหลาย ตระกูลใดตระกูลหนึ่งถึงความเป็นใหญ่ในโภคทรัพย์แล้วย่อม
ดำรงอยู่ได้นานเพราะเหตุ ๔ ประการ หรือเหตุใดเหตุหนึ่งบรรดาเหตุ ๔ ประการนั้น
เหตุ ๔ ประการ อะไรบ้าง คือ
. แสวงหาพัสดุที่หายไป
. ซ่อมแซมพัสดุที่เก่าคร่ำคร่า
. รู้จักประมาณในการบริโภค
. ตั้งสตรีหรือบุรุษผู้มีศีลให้เป็นใหญ่ในเรือน
ภิกษุทั้งหลาย ตระกูลใดตระกูลหนึ่งถึงความเป็นใหญ่ในโภคทรัพย์แล้วย่อม
ดำรงอยู่ได้นานเพราะเหตุ ๔ ประการนั้น หรือเหตุใดเหตุหนึ่งบรรดาเหตุ ๔ ประการนั้น
กุลสูตรที่ ๕ จบ

วันพฤหัสบดีที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2554

เคล็ดลับการบำรุงสมอง

 เจริญธรรม  ญาติธรรมทั้งหลาย วันนี้ขอนำเอาเคร็ดลับการบำรุงสมองมาฝากเพื่อเป็นการผ่อนคลาย  ขอให้มีความสุขกับการบริหารสมองครับ เพราะสมองเป็นสมบัติอันล้ำค่าของมนุษย์ เราต้องรักษาให้ดี  จะได้อยู่กับเราตลอดไปอย่างมีประสิทธิภาพ

5วิธีทำสมองแข็งแรงเยาว์วัย


วันพฤหัสบดี ที่ 06 ตุลาคม 2554 เวลา 0:00 น
Bookmark and Share


ช่วยชะลอความเสื่อมของสมอง กระตุ้นระบบความคิดทำงานเร็วขึ้น เพียงปรับกิจวัตรประจำวันง่าย ๆ
      
เริ่มจาก “ออกกำลังกายสม่ำเสมอ” อย่าง น้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ประมาณ 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมง ช่วยเพิ่มออกซิเจนในเลือด ทำให้ระบบหมุนเวียนโลหิตดี เสริมสร้างสมองส่วนหน้าให้มีปริมาตรมากขึ้น จึงทำให้การทำงานของสมองดีขึ้นด้วย

“รับประทานมื้อเช้าเมนูเด็ด”
แบบง่าย ๆ เหมาะสำหรับเวลาเร่งด่วน อาทิ อาหารไขมันต่ำ เช่น ธัญพืชอบกรอบราดนมไขมันต่ำ แซนด์วิชทูน่า อุดมสารอาหารที่ดีต่อการพัฒนาของสมอง ช่วยให้ร่างกายสดชื่น กระปรี้กระเปร่า มีสมาธิดีขึ้น

“ฟังเพลงคลาสสิคก่อนนอน”
จะช่วยปรับคลื่นความคิดให้เป็นปกติ เนื่องจากจังหวะ เมโลดี้ และท่วงทำนองสวยงาม มีพลัง ทำให้ผู้ฟังเกิดความรู้สึกสงบ มีสมาธิ ช่วยเสริมสร้างปัญญา

“วาดรูป”
ประกอบการจดบันทึก หรือคำอธิบายต่าง ๆ จะช่วยให้จำรายละเอียดง่ายขึ้น เกิดสมาธิจดจ่ออยู่กับการควบคุมกล้ามเนื้อมือ การประสานกันระหว่างมือกับตา ส่งผลให้ใจเย็น กระตุ้นจินตนาการ ปลดปล่อยความคิด และส่งเสริมพัฒนาการทางสมองได้ดี

ข้างต้นเป็นวิธีง่าย ๆ ปฏิบัติได้ทุกวัน นอกจากจะช่วยพัฒนาสมองให้ฟิต ความคิดก็ยังปิ๊งค์อยู่เสมอด้วย.


ทีมเดลินิวส์ออนไลน์

วันพุธที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2554

วณิชชสูตร ว่าด้วยเหตุให้การค้าขายขาดทุนหรือได้กำไร

เจริญสุข เจริญธรรม ญาติธรรมทั้งหลาย  เมื่อวานนี้ได้นำเสนอพระสูตรที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับสิ่งปิด สิ่งเปิด ดีไม่ดี  เป็นเรื่องของจริยธรรม ที่จะต้องปฏิบัติเป็นกิจวัตรประจำวัน  สำหรับวันนี้ขอเอาใจพ่อค้า แม่ค้าสักหน่อย คือจะนำเสนอพระสูตรที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการค้าขายที่ได้กำไรและขาดทุนว่า เป็นเพราะสาเหตุอะไร ใจความในพระสูตรเป็นการสนทนากับระหว่างพระธรรมเสนาบดีสารีบุตรกับพระพุทธองค์สรุปได้ว่า
๑.ผู้ที่ค้าขายขาดทุนเพราะเคยรับปากกับสมณพราหมณ์ว่า จะถวายปัจจัยแก่ท่าน  แต่ไม่ถวายตามที่รับปากไว้
๒. ผู้ที่ค้าขายได้กำไรไม่ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ เพราะถวายปัจจัยแก่สมณพราหมณ์ไม่ครบตามที่รับปากไว้
๓. ผู้ที่ค้าขายได้กำไรตามเป้าที่กำหนดไว้  เพราะถวายปัจจัยแก่สมณพราหมณ์ครบตามที่รับปากไว้
๔. ผู้ที่ค้าขายได้กำไรเกินเป้าที่กำหนดไว้ เพราะถวายปัจจัยเกินกว่าที่รับปากไว้ 
ใครอยู่ในลักษณะแบบไหนใน ๔ แบบนี้ก็ให้พิจารณาเอาเองนะครับ แล้วก็แก้ไขปรับปรุงตัวเองตามอัธยาศัย เพราะคนเราปรับปรุงแก้ไขได้ ไม่มีอะไรตายตัว อย่างถาวร ทุกอย่างเป็นอนิจจัง
พระสูตรนี้ อยู่ในพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๑ อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต เชิญอ่านเนื้อความเต็มได้ (ท่ามีเวลา)
. วณิชชสูตร
ว่าด้วยเหตุให้การค้าขายขาดทุนหรือได้กำไร
[๗๙] สมัยนั้น ท่านพระสารีบุตรเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายอภิวาทแล้วนั่ง ณ ที่สมควร ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้บุคคลบางคนในโลกนี้ประกอบ การค้าขายขาดทุน อะไรเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้บุคคลบางคนในโลกนี้ประกอบการ
ค้าขายไม่ได้กำไรตามที่ประสงค์ อะไรเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้บุคคลบางคนในโลกนี้ประกอบการค้าขายได้กำไรตามที่ประสงค์ อะไรเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้บุคคลบางคนในโลกนี้ประกอบการค้าขายได้กำไรยิ่งกว่าที่ประสงค์
พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า สารีบุตร บุคคลบางคนในโลกนี้เข้าไปหา
สมณะหรือพราหมณ์ปวารณาว่า ท่านผู้เจริญ พระคุณเจ้าต้องการปัจจัย นิมนต์บอกเถิดแต่เขากลับไม่ถวายปัจจัยที่ปวารณาไว้ ถ้าเขาเคลื่อนจากอัตภาพนั้นกลับมาสู่ความเป็นมนุษย์นี้ เขาประกอบการค้าขายใด ๆ ก็ย่อมขาดทุน
บุคคลบางคนในโลกนี้เข้าไปหาสมณะหรือพราหมณ์ปวารณาว่า ท่านผู้เจริญ พระคุณเจ้าต้องการปัจจัย นิมนต์บอกเถิดแต่เขาถวายปัจจัยที่ปวารณาไว้ไม่ตรงตามที่สมณะหรือพราหมณ์ประสงค์ ถ้าเขาเคลื่อนจากอัตภาพนั้นมาสู่ความเป็นมนุษย์นี้ เขาจะประกอบการค้าขายใดๆ ก็ไม่ได้กำไรตามที่ประสงค์
 บุคคลบางคนในโลกนี้เข้าไปหาสมณะหรือพราหมณ์ปวารณาว่า ท่านผู้เจริญ พระคุณเจ้าต้องการปัจจัย นิมนต์บอกเถิดเขาถวายปัจจัยที่ปวารณาไว้ตามที่
สมณะหรือพราหมณ์ประสงค์ ถ้าเขาเคลื่อนจากอัตภาพนั้นมาสู่ความเป็นมนุษย์นี้ เขาจะประกอบการค้าขายใดๆ ก็ได้กำไรตามที่ประสงค์
 บุคคลบางคนในโลกนี้เข้าไปหาสมณะหรือพราหมณ์ปวารณาว่า ท่านผู้เจริญ พระคุณเจ้าต้องการปัจจัย นิมนต์บอกเถิดเขาถวายปัจจัยที่ปวารณาไว้ยิ่งกว่าที่ สมณะหรือพราหมณ์ประสงค์ ถ้าเขาเคลื่อนจากอัตภาพนั้นมาสู่ความเป็นมนุษย์นี้ เขาจะประกอบการค้าขายใด ๆ ก็ได้กำไรยิ่งกว่าที่ประสงค์
สารีบุตร นี้แลเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้บุคคลบางคนในโลกนี้ประกอบการค้าขายขาดทุน และไม่ได้กำไรตามที่ประสงค์
นี้แลเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้บุคคลบางคนในโลกนี้ประกอบการค้าขายได้กำไรตาม ที่ประสงค์ และได้กำไรยิ่งกว่าที่ประสงค์
วณิชชสูตรที่ ๙ จบ

วันอังคารที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ปฏิจฉันนสูตร ว่าด้วยสิ่งที่ปิดดี เปิดไม่ดี และสิ่งที่เปิดดี ปิดไม่ดี


เจริญสุข  เจริญธรรม  ญาติธรรมทั้งหลาาย หลังจากที่นำเสนอเรื่องราวอื่นๆ มาหลายวันเพื่อให้ผ่อนคลายบ้าง  เห็นว่า พอสมควรแล้ว  วันนี้จึงนำเอาพระสูตรมาฝากเช่นเคย  ใจความในพระสูตรนี้บอกว่า บางสิ่งบางอย่างปิดไว้ดี เปิดไม่ดี  บางสิ่งบางอย่างเปิดดี ปิดไม่ดี  สิ่งแรกที่พระพุทธองค์ตรัสว่าปิดไว้ดี เปิดไม่ดี ได้แก่ มาตุคาม ศัพท์นี้ แปลตามศัพท์ว่า แม่บ้าน  มาจาก มาตุ  กับ คาม  มาตุ แม่  คาม บ้าน หรือแปลเอาความก็คือ ผู้หญิง หรือสตรี พระพุทธพจน์ตรงนี้ตีความได้หลายนัย เช่นว่า
๑. สตรี ควรเป็นคนแต่งตัวมิดชิด ปกปิดอวัยวะทุกส่วนไว้ เปิดเผยเฉพาะในส่วนที่พอเหมาะพอควร จะดูดีกว่า การนุ่งน้อย ห่มน้อย เปิดเผยยั่วยวน ซึ่งนอกจากจะไม่งามแล้ว อาจจะนำอันตรายมาถึงตัวก็ได้ 
๒. สตรี ไม่ควรเปิดเผยเรื่องส่วนตัวมากนัก เก็บเป็นความลับ เอาไว้ให้ฝ่ายชาย ค้นหาเอง จะทำให้ดูดี มีเสน่ห์กว่า เพราะถ้าพูดออกมาหมดทุกแง่ ทุกมุมแล้ว ก็จะหมดความงาม ไม่มีคุณค่าที่จะค้นหาของฝ่ายชายอีกต่อไป 
ที่กล่าวมานี้ก็เป็นการตีความนะครับ อาจจะจริงก็ได้ ไม่จริงก็ได้ ก็ลองนำเอาไปพิจารณาดู และหวังว่าคงจะไม่กระทบกระเทือนสตรีทั้งหลายนะครับ เรารู้ไว้ ดีกว่าไม่รู้  เพราะจะได้คอยระวังไว้ ส่วนข้ออื่นๆ ก็คงตีความได้ในทำนองนี้นะครับ ให้ตีความเอาเอง เพราะถ้าตีความทุกข้อ จะทำให้เนื้อความมากเกินไป  
พระสูตรนี้ชื่อว่า ปฏิจฉันนสูตร อยู่ในเล่ม ๒๐ ติกนิบาต  อังคุตตรนิกาย  
. ปฏิจฉันนสูตร
ว่าด้วยสิ่งที่ปิดดี เปิดไม่ดี
[๑๓๒] ภิกษุทั้งหลาย สิ่ง ๓ อย่างนี้ ปิดบังไว้จึงดี เปิดเผยไม่ดี
สิ่ง ๓ อย่าง อะไรบ้าง คือ
. มาตุคาม(สตรี)ปิดบังไว้จึงงดงาม เปิดเผยไม่งดงาม
. มนตร์ของพราหมณ์ปิดบังไว้จึงขลัง เปิดเผยไม่ขลัง
. มิจฉาทิฏฐิปิดบังไว้จึงดี เปิดเผยไม่ดี
ภิกษุทั้งหลาย สิ่ง ๓ อย่างนี้แล ปิดบังไว้จึงดี เปิดเผยไม่ดี
สิ่ง ๓ อย่างนี้ เปิดเผยจึงรุ่งเรือง ปิดบังไว้ไม่รุ่งเรือง
สิ่ง ๓ อย่าง อะไรบ้าง คือ
. ดวงจันทร์เปิดเผยจึงรุ่งเรือง ปิดบังไว้ไม่รุ่งเรือง
. ดวงอาทิตย์เปิดเผยจึงรุ่งเรือง ปิดบังไว้ไม่รุ่งเรือง
. ธรรมวินัยที่ตถาคตประกาศไว้เปิดเผยจึงรุ่งเรือง ปิดบังไว้ไม่รุ่งเรือง
ภิกษุทั้งหลาย สิ่ง ๓ อย่างนี้แล เปิดเผยจึงรุ่งเรือง ปิดบังไว้ไม่รุ่งเรือง
ปฏิจฉันนสูตรที่ ๙ จบ

วันจันทร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2554

บทพิสูจน์กำลังของสติกับความโกรธ

 Give them a Lesson

รถโดนกรีดยาง
 
คำถามหนึ่งที่คนทั่วไปชอบถามเวลาเจอหน้า คือ ผมโกรธบ้างหรือไม่ ผมก็จะยิ้มๆ และตอบว่า เรายังเป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดา ย่อมต้องมีความโกรธ แต่โชคดีไม่บ่อยนัก และเวลาโกรธส่วนใหญ่จะไม่แสดงออกทางกาย ทางวาจา คือ ความโกรธยังไม่ล้นออกมาทางคำพูดและการกระทำ ยังพอควบคุมหรือมีสติเห็นทัน ส่วนใหญ่มักจะเห็นใจที่เดือดอยู่ปุดๆ จะปุดมากปุดน้อย ก็ขึ้นอยู่กับระดับของเหตุการณ์นั้นๆ
โชคดีที่ระยะหลังๆ มานี้ ไม่ค่อยมีอาการปุดๆ ในใจเลย นานๆ จะเกิดสักที คนที่จะสามารถทำให้ผมโกรธได้ต้องเป็นคนที่เก่งมากๆ เรียกว่าต้องเป็นครูสอนธรรมะระดับเทพเชียวล่ะ

 
หลายปีก่อน มีเหตุการณ์หนึ่งที่เราได้ ‘เห็น’ ความโกรธชัดเจนที่วิ่งเข้ามาเยือนจิตใจ บ่ายวันหนึ่งผมต้องไปงานศพกะทันหัน ไม่ได้ทราบก่อนล่วงหน้าจึงไม่ได้เตรียมใส่ชุดดำ คนขับรถก็ลาพอดี จึงต้องขับรถกลับมาที่ทำงานเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนไป ปกติที่ออฟฟิศมีที่จอดรถประจำ ปรากฏว่าวันนั้นมีคนอื่นมาจอดรถในที่ของผมเองและของบริษัทหมด วนรถอยู่นานพอสมควรเลยตัดสินใจจอดในที่ของคนอื่น เพราะเห็นว่าว่างๆ อยู่ คิดในใจว่าขออนุญาตจอดสัก 10 นาที วิ่งไปเปลี่ยนเสื้อกลับมาคงไม่เป็นไร เจ้าของที่คงยังไม่มา
พอเปลี่ยนเสื้อกลับมาที่รถ ปรากฏว่ามีรถคันหนึ่งซึ่งน่าจะเป็นเจ้าของที่จอดนั้น มาจอดขวางรถเราเอาไว้ แถมยังเข้าเกียร์ล็อคไว้อีกต่างหาก เลื่อนไม่ได้ ตอนแรกกะว่าจะวิ่งไปหายามให้ช่วยไปเชิญเจ้าของรถมาเลื่อนให้ แต่เกรงว่าจะไปงานศพไม่ทัน เลยตัดสินใจขึ้นรถแท็กซี่ไป
คืนนั้น กว่าจะสวดศพเสร็จ กว่าจะรํ่าลาเจ้าภาพก็ดึกพอสมควร ผมก็นั่งรถแท็กซี่กลับไปที่บ้าน ลืมเรื่องรถไปเลย

เช้าวันรุ่งขึ้น ผมเดินมาที่รถซึ่งจอดเอาไว้เมื่อคืน ตาก็ต้องเบิกกว้างขึ้น เพราะยางรถแบนแต๋ดแต๋ติดพื้น 2 ล้อเลย พอเห็นยางรถแบนเท่านั้น ความโกรธก็วิ่งเข้ามาในใจอย่างรวดเร็วและรุนแรง เป็นอาการบางอย่างที่ไม่เคยเห็นอยู่ในใจ แต่พอเรามีสติเข้าไป ‘เห็น’ ความโกรธที่วิ่งเข้ามา ก็หายไปโดยฉับพลัน ความโกรธไม่มีเลย ใจกลับเป็นปกติ ซึ่งเป็นสิ่งที่แปลกมากกับตัวเอง ส่วนใหญ่จะโกรธกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งเป็นเวลาอย่างน้อยครึ่งวัน แม้จะพยายามปลอบใจตัวเองว่า อย่าโกรธ อย่าโกรธ แต่พอเผลอแว็บ ความโกรธก็จะวิ่งเข้ามาสู่ใจ
 

White Heart - Discover you Ordinary Heart to find you Extraordinary Life! Page 2
 
แต่พอมีสติเข้าไปเห็นทันความโกรธเท่านั้น ความโกรธเงียบหายไป จำได้ว่าโกรธอยู่เพียง 3-5 วินาทีเท่านั้น เร็วมากๆ แล้วความโกรธก็หายไป ไม่รู้หายไปไหน ไม่กลับมาอีก สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ระหว่างที่ขึ้นลิฟท์จากชั้นที่จอดรถมาบนออฟฟิศ เราเกิดปัญญาบางอย่างที่จะจัดการกับเหตุการณ์นี้ด้วยสติ เป็นปัญญาที่ปกติตัวเองจะไม่สามารถคิดได้ขนาดนั้น มันเหมือนเป็นอาการสว่างวาบแล้วเกิดปัญญา ประมาณนั้น!
พอถึงออฟฟิศ ผมก็สั่งเลขาฯ ให้ไปตรวจสอบว่า เจ้าของรถทะเบียนคันที่จอดรถขวางผมคือใคร แล้วช่วยจัดดอกไม้ให้หน่อย เดี๋ยวจะเอาดอกไม้ไปให้เขา เลขาฯ ผมก็สงสัยทำไมต้องเอาไปให้ เขามากรีดยางรถผมแท้ๆ

ไม่ใช่แค่เลขาฯ เท่านั้นที่โกรธแทน พนักงานทั้งออฟฟิศโกรธกันหมด พนักงานวิ่งส่งเอกสารวิ่งมาเลย บอกว่านายๆ เดี๋ยวผมจะเอาไม้ไปทุบกระจกรถมันดีไหม ยามของอาคารก็วิ่งขึ้นมาบอกว่า คนที่กรีดยางรถผมเป็นฝรั่งเจ้าของบริษัททัวร์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทย เขาทำอย่างนี้มาหลายครั้งแล้ว โดนกันหมด ทั้งกรีดรถ กรีดยางรถ โดนกันประจำ เขาเป็นคนนิสัยแบบนี้
ผมบอกทุกคนว่า ใจเย็นๆ รถผมเอง ไม่เป็นไร ผมไม่เป็นไร อย่าโกรธนะ..
แล้วผมก็เอากระเช้าดอกไม้ขึ้นไปที่ออฟฟิศเขา ซึ่งตลกมากเพราะอยู่ตรงกันข้ามกับสำนักพิมพ์ดีเอ็มจีซึ่งผมเช่าไว้คนละชั้นกับออฟฟิศบริษัทประชาสัมพันธ์ คิดอยู่ในใจว่า อืม..ออฟฟิศอยู่ตรงข้ามกัน อยู่ชั้นเดียวกันแท้ๆ ยังมาทำกันขนาดนี้! ผมพยายามจะขอพบเขา แต่เขาไม่ออกมาพบ ส่งจีเอ็มคนไทยและพนักงาน 2-3 คนยืนทำหน้าถมึงขึงขังกันอยู่หน้าออฟฟิศ แล้วถามผมว่าคุณใช่ไหมจอดรถทับที่เจ้านายเขา โวยวายกันใหญ่ แต่เขาคงไม่รู้ว่านายเขากรีดยางรถผม

ผมไม่ได้รับเชิญให้นั่ง และได้รับการยืนยันว่านายเขาไม่ออกมาพบแน่นอน ปล่อยให้ยืนถือดอกไม้อยู่อย่างนั้น ผมยืนอยู่สักพักหนึ่งเห็นว่าคุณฝรั่งคนนั้นไม่ออกมาแน่ เลยอธิบายเหตุการณ์ทั้งหมดให้ลูกน้องเขาฟัง พอทุกคนได้ยินเช่นนั้นก็เริ่มเปลี่ยนท่าที เชิญให้ผมนั่ง ดูเหมือนว่าตกใจที่นายเขามากรีดยางรถเรา
ผมบอกว่าตั้งใจเอาดอกไม้มาขอโทษเจ้านายคุณ สำหรับสิ่งที่ผมผิดพลาดในการจอดรถทับที่ของเขาเมื่อบ่ายวานนี้ แต่ผมมีเหตุจำเป็น คือ ต้องรีบไปงานศพ และที่จอดรถของผมและของบริษัทฯ มีรถจอดเต็มทั้งหมด และสิ่งที่อยากขอร้องคือ เราอยู่ในตึกเดียวกัน น่าจะพูดกันดีๆ ไม่น่าจะต้องมาทำ

 

White Heart - Discover you Ordinary Heart to find you Extraordinary Life! Page 3
 
อะไรแบบนี้ หากเขาไปทำกับคนอื่นคงเดือดร้อน แต่สำหรับผม ผมไม่เดือดร้อน มีคนคอยดูแลเอารถไปเปลี่ยนยางได้ อย่างไรก็ตาม ผมฝากคำขอโทษไปถึงนายคุณด้วย
พูดจบแค่นั้น ผมก็ขอตัวลงมาทำงาน ปรากฏว่าก่อนเที่ยงวันเดียวกัน เลขาฯ และทีมงานเฮกันลั่นออฟฟิศ เพราะได้รับตะกร้าผลไม้ใหญ่มากพร้อมแชมเปญยี่ห้อแพงจากฝรั่งคนนี้ (เสียดายไม่ดื่ม!) เลขาฯ หัวเราะมากกว่าคนอื่น เพราะสารภาพว่าไม่ได้สั่งดอกไม้ แต่ไปเอากระถางต้นไม้ในครัวมาผูกโบว์ โชคดีที่มีฝีมือเลยออกมาสวยงามพอให้ผมถือไปมอบให้เขาได้ ลงทุนไม่ถึงร้อยบาท แต่ได้รับกลับคืนมามากกว่าหลายเท่า
แต่สิ่งที่ผมถือว่าเป็นรางวัลแท้จริง คือ ข้อความในจดหมายที่แนบมา (อุตส่าห์ส่งสาส์นรัก Love Note มาด้วย) เขาบอกว่าทุกครั้งที่เขาได้ ‘สั่งสอน’ คนไทยที่ไม่มีระเบียบวินัย ชอบมาจอดรถในที่ของเขา และไปทำแบบนี้ จะรู้สึก ‘สะใจ’ เหมือนว่าได้ Give them a lesson! คือให้บทเรียนกับคนที่ไม่มีวินัยแบบนี้ ยิ่งมีการมาโวยวายกันมากเท่าไร เขายิ่งรู้สึกสะใจมากขึ้นว่าบทเรียนที่ให้ไปนั้นได้ผล ทำให้คนไทยสำนึก
แต่เขาบอกว่า ผมมาแปลกที่เอาดอกไม้มาขอโทษ แถมยังอธิบายเหตุผลด้วย และได้เห็นตัวอย่างว่า ผมก็ไม่โกรธที่มีคนอื่นมาจอดรถทับที่ผม ทั้งที่สองบริษัทฯ ผมดูแล้วน่าจะมีที่จอดมากกว่าบริษัทเขาบริษัทเดียว สรุปแล้ว เขารู้สึกสำนึกว่าไม่ควรทำเรื่องแบบนี้ เขารู้สึกไม่ดีและอยากขอโทษ เป็นครั้งแรกจริงๆ ที่รู้สึกแบบนี้

ในย่อหน้าสุดท้าย เขาบอกว่าในฐานะที่ผมทำบริษัทประชาสัมพันธ์ เขาก็เป็นบริษัททัวร์ชั้นนำ ขอมาเป็นลูกค้าได้หรือไม่ สรุปว่า จากการที่เราเจอเหตุการณ์แย่ๆ เราสามารถพลิกให้คนสำนึกได้ด้วยตนเอง และยังแถมมาเป็นลูกค้าอีก เป็นอานิสงส์ของสติจริงๆ
ผมไม่ได้รับเขามาเป็นลูกค้า ไม่ใช่ว่ากลัวจะโดนอะไรอีก แต่เผอิญตอนนั้นเรามีลูกค้าเต็มมืออยู่แล้ว และหลังจากนั้น เหตุการณ์การกรีดยางรถ กรีดรถรอบคันในที่จอดรถของอาคารก็ไม่มีอีกต่อไป...

 
ใครชอบ ใครชัง ช่างเถิด ใครเชิด ใครชู ช่างเขา
ใครเบื่อ ใครบ่น ทนเอา ใจเรา ร่มเย็น เป็นพอ